.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
ขับถ่ายทุกวัน แปลว่าลำไส้สุขภาพดีจริงหรือ? นักโภชนาการเตือน หากมี 3 ความผิดปกตินี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งลำไส้
นักโภชนาการหลิวหยาฮุ่ย ชาวไต้หวัน ได้ให้ความรู้ผ่านเพจนักโภชนาการ Emma เตือนว่า “หากอุจจาระของคุณมี 3 ลักษณะนี้ ต้องระวัง!” ได้แก่
- อุจจาระเหนียวติดโถ กดน้ำไม่ลง – บ่งบอกว่ารับประทานอาหารมันเกินไป ไขมันย่อยยาก ทำให้อุจจาระล้างออกยาก
- ท้องอืด ผายลมเหม็น – สัญญาณว่าการย่อยอาหารช้าลงและแบคทีเรียก่อโรคเพิ่มขึ้น
- อุจจาระเหลว ไม่เป็นก้อน – อาจเกิดจากการขาดใยอาหาร หรือเป็นสัญญาณของลำไส้แปรปรวนและมะเร็งลำไส้
เธอเน้นย้ำว่า “การขับถ่ายทุกวัน ไม่ได้หมายความว่าลำไส้สุขภาพดีเสมอไป!”
ขณะที่ นายแพทย์เฉินเวยโย่ว ศัลยแพทย์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก อธิบายว่า อุจจาระประกอบด้วยน้ำและใยอาหารที่ร่างกายย่อยไม่ได้ หากรับประทานใยอาหารไม่เพียงพอ แต่กินอาหารที่มีไขมันและโปรตีนสูง อุจจาระจะไม่เป็นก้อน กลายเป็นเหนียวและชื้นมากขึ้น
นอกจากนี้ ความเครียดและความวิตกกังวลในชีวิตประจำวันส่งผลต่อระบบประสาท โดย เส้นประสาทเวกัส (Vagus Nerve) จะเชื่อมโยงลำไส้กับสมอง ทำให้ร่างกายตอบสนองต่อความเครียดด้วยการกดการย่อยอาหาร ซึ่งอาจนำไปสู่อาการปวดท้อง อุจจาระเหนียว หรือโรคเกี่ยวกับลำไส้อื่น ๆ
นายแพทย์เฉินเวยโย่ว เน้นว่า ยังไม่มีงานวิจัยยืนยันว่าอุจจาระเหนียวติดโถเกี่ยวข้องกับมะเร็งลำไส้ แต่หากพบมูกหรือเลือดปนในอุจจาระ ร่วมกับอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือคลื่นไส้ ควรระวังว่าอาจมีภาวะลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือแผลในเยื่อบุลำไส้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย
หากอุจจาระเหนียวเพียงเล็กน้อย แต่สามารถล้างออกได้ด้วยการกดน้ำหรือใช้แปรงขัด แค่ปรับพฤติกรรมโดยเพิ่มใยอาหาร ดื่มน้ำให้เพียงพอ และลดอาหารไขมันสูงและแป้งขัดสี ก็สามารถช่วยให้ระบบขับถ่ายกลับมาปกติได้
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์เฉินเวยโย่ว เตือนว่า หากพบอุจจาระมีเลือดปน เล็กเหมือนดินสอ มีมูกมาก หรือมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ รวมถึงพฤติกรรมการขับถ่ายเปลี่ยนไป ปวดบิดท้องรุนแรงก่อนถ่าย หรือรู้สึกถ่ายไม่สุด ควรเฝ้าระวัง เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคลำไส้ร้ายแรง หรือแม้แต่มะเร็งลำไส้
ด้าน นายแพทย์จงอวิ๋นหนี ศัลยแพทย์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ระบุว่า การขับถ่ายที่ถือว่าปกติ สามารถอยู่ในช่วงตั้งแต่ 3 วันครั้ง ไปจนถึงวันละ 3 ครั้ง ดังนั้น หากไม่ได้ถ่ายทุกวัน ก็ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลหรือพยายามกระตุ้นให้ขับถ่ายโดยไม่จำเป็น
เนื่องจากพฤติกรรมการขับถ่ายสัมพันธ์กับอาหารที่รับประทาน ควรเริ่มปรับที่การกินก่อน โดยเพิ่มผัก ผลไม้ ใยอาหาร และดื่มน้ำให้เพียงพอ หากยังไม่เห็นผล อาจใช้ตัวช่วยอย่าง เอนไซม์ไฟเบอร์หรือผงใยอาหาร ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างอาหารเสริมกับยา เพื่อช่วยระบบย่อยและลำไส้ในระยะสั้น
นายแพทย์เฉียนเจิ้งหง ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหาร ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อความถี่และลักษณะของอุจจาระมีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการกิน การทำงานของระบบทางเดินอาหาร อารมณ์ และระดับกิจกรรมในแต่ละวัน
หากอุจจาระแข็งหรือเหลวผิดปกติ สาเหตุสำคัญมักมาจากความไม่สมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ซึ่งอาจนำไปสู่การอักเสบเรื้อรังและความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น ลำไส้แปรปรวน โรคหัวใจ เบาหวาน โรคอ้วน ไขมันพอกตับ พาร์กินสัน และอัลไซเมอร์