กรมขนส่งทางบกเปิดให้ผู้ขับแท็กซี่-วินมอเตอร์ไซค์ ลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือถึง 5 พ.ย.นี้ ขณะมีผู้จองคิวแล้วกว่า 7 พันตน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจาก ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพผู้ขับรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี ที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 และประกอบอาชีพขับรถอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด
ผู้ขับรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์สาธารณะที่ประกอบอาชีพขับรถใน 13 จังหวัด จะได้รับเงินช่วยเหลือ 10,000 บาทต่อคน และผู้ขับรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์สาธารณะที่ประกอบอาชีพขับรถใน 16 จังหวัด จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาทต่อคน ความคืบหน้าขณะนี้กรมการขนส่งทางบกเปิดให้ผู้ขับรถแท็กซี่และวินมอเตอร์ไซค์ที่เข้าเงื่อนไข มีรายชื่อในฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก
แบ่งเป็นผู้ขับรถยนต์รับจ้าง (แท็กซี่) ประมาณ12,000 คน และผู้ขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ (วินมอเตอร์ไซค์) ประมาณ 3,000 คน สามารถลงทะเบียนจองคิวรับบริการได้แล้ว ถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th
ซึ่งตั้งแต่เปิดให้ลงทะเบียนไปเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม มีแท็กซี่/วินมอเตอร์ไซค์จองคิวผ่านระบบแล้วประมาณ 7,000 คน ถือเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกและลดความแออัดตามมาตรการด้านสาธารณสุขก่อนเปิดให้เดินทางมาลงทะเบียนด้วยตัวเองเพื่อยืนยันตัวตนและตรวจสอบเอกสารในวันที่ 25 ตุลาคม นี้
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่จองสิทธิ์ในระบบแล้ว ผู้ขับรถแท็กซี่และวินมอเตอร์ไซค์ต้องเดินทางมาลงทะเบียนด้วยตนเองเป็นการยืนยันศักยภาพในการขับรถสาธารณะเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ ระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2564 ณ อาคาร 6 ชั้น 7 กรมการขนส่งทางบก, กลุ่มวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-4 และกลุ่มวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ
โดยขอให้เตรียมเอกสารให้พร้อม ได้แก่ ใบคำขอเพื่อรับสิทธิช่วยเหลือ (ณ จุดลงทะเบียน) บัตรประจำตัวประชาชน ใบอนุญาตขับรถสาธารณะ บัตรประจำตัวผู้ขับรถสาธารณะ
กรณีรถเช่า ต้องมีข้อมูลทะเบียนรถที่เช่าขับและผู้ให้เช่ารถได้ โดยกรมการขนส่งทางบกจะทำการตรวจสอบข้อมูลจากผู้ให้เช่าก่อนรับสิทธิ รถที่ใช้ประกอบอาชีพต้องชำระภาษีครบถ้วน สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือจะจ่ายผ่านบัญชีพร้อมเพย์เฉพาะการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประจำตัวประชาชน แบ่งเป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบที่ 1 ระหว่างวันที่ 8-12 พฤศจิกายน 2564 สำหรับรถจักรยานยนต์สาธารณะและรถแท็กซี่ส่วนบุคคล และรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 22-26 พฤศจิกายน 2564 สำหรับรถแท็กซี่ที่เช่าขับ
ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายเร่งดำเนินมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบให้รวดเร็วและทั่วถึงทุกกลุ่มอย่างเต็มที่ มาตรการช่วยเหลือเยียวยาต่างๆ เริ่มชัดเจน ส่งผลอย่างเป็นรูปธรรม ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยกันทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้