“ก้าวไกล” เปิดแคมเปญ “รีเซ็ตประเทศไทย เลือกตั้งใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่” ล่า 5 หมื่นรายชื่อ ชง “นายกฯ” จัดประชามติพร้อมเลือกตั้ง เดินหน้าร่างรธน.ฉบับใหม่
เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 8 ก.ย. 2565 ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงกรณีรัฐสภามีมติไม่รับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อยกเลิกอำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ ที่เสนอโดยภาคประชาชน ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. เพียง 23 เสียง จาก 250 เสียง ว่า ผลการลงมติของรัฐสภาเมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) น่าผิดหวังเป็นพิเศษ ถึงแม้รัฐธรรมนูญปี 60 มีปัญหาเยอะมาก แต่ข้อเสนอปิดสวิตช์ ส.ว. เป็นข้อเรียกร้องพื้นฐานที่สุด และเป็นมาตราที่ขัดแย้งต่อหลักการประชาธิปไตยมากที่สุดเช่นกัน
นายพิธา กล่าวต่อว่า แต่ในเมื่อไม่สามารถตัดอำนาจ ส.ว. ในการเลือกนายกฯ ทันการเลือกตั้งที่จะมาถึง พรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องเรียกร้องให้ ส.ว. ไม่นำตัวเองเข้ามาเป็นผู้ชี้ขาดในการจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกฯ หลังเลือกตั้ง แต่ควรเคารพและยึดตามเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่จะถูกสะท้อนผ่านผลการเลือกตั้ง
นายพิธา กล่าวว่า จุดยืนที่พรรคก้าวไกลประกาศมาตลอด คือการแก้ไขวิกฤตทางการเมืองครั้งนี้ต้องไม่ใช่แค่ปะผุ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราแล้วจะเพียงพอ แต่ต้องร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ที่ผ่านมาการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การร่างฉบับใหม่ผ่านช่องทางรัฐสภาเจอทางตันทุกครั้ง
พรรคก้าวไกลเห็นว่าต้องหาไพ่ใบใหม่ ที่ยังไม่มีใครเคยใช้ ด้วยการเปิดตัวแคมเปญชื่อ “RESET ประเทศไทย เลือกตั้งใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่” ที่จะอาศัยช่องทางตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ 2564 มาตรา 9(5) โดยใช้เสียงประชาชนอย่างน้อย 50,000 คน ร่วมลงชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้มีการจัดทำประชามติ โดยจะเริ่มรณรงค์ทันทีจนกว่าได้รายชื่อครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนดในระยะเวลาที่เร็วที่สุด
ทั้งนี้ เพื่อประหยัดงบประมาณ และเพื่อให้การเลือกตั้งที่จะมาถึง ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรัฐบาล แต่คือการเปลี่ยนกติกาประเทศ เราจะเสนอให้จัดทำประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะต้องเกิดขึ้นไม่เกินเดือนพ.ค. 2566
นายพิธา กล่าวต่อว่า ตนมั่นใจว่าวิธีนี้เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และไม่ควรมีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ถูกคัดค้าน เพราะเป็นหนทางที่จะนำพาประเทศออกจากวิกฤตทางการเมือง นำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้จริง โดยไม่ต้องง้อเสียงเห็นชอบจาก ส.ว. ซึ่งเป็นแนวทางที่รัฐบาลปฏิเสธยาก เพราะการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย สสร. เป็นสิ่งที่ ส.ส.รัฐบาล และส.ว.เคยสนับสนุน อีกทั้งการจัดทำประชามติก็เป็นไปตามความเห็นของ ส.ส.รัฐบาล และส.ว. ที่เคยอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อตีความว่าต้องจัดทำประชามติก่อนเสนอเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าสู่สภาในขั้นรับหลักการ
นอกจากนี้ ยังเป็นการทวงถามและเรียกความรับผิดชอบโดยตรงจาก นายกฯ และครม. ว่าจริงใจแค่ไหนกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากที่เคยประกาศว่าเป็น 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อเป็นการเพิ่มอำนาจให้ประชาชนโดยตรง เพราะหากมีการจัดทำประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้ง และประชาชนเห็นชอบให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ว่ารัฐบาลนั้นจะมาจากขั้วไหน ก็ต้องดำเนินการตามคำสั่งของประชาชนที่แสดงออกผ่านผลประชามติ อีกทั้งยังช่วยประหยัดงบประมาณและทรัพยากรของประเทศ เพราะจัดการเลือกตั้งและจัดประชามติในวันเดียวกันได้เลย
นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลต้องขอแรงสนับสนุนจากประชาชน ขออย่าเพิ่งถอดใจ มาลงชื่อกับเรา เพื่อส่งแรงกดดันไปยังรัฐบาลให้จัดทำประชามติ และคืนประเทศให้ประชาชน เพื่อให้ปลายทางในปีหน้า เรามีความหวังได้ว่า มีสิ่งที่ดีกว่ารอเราอยู่ คือคนไทยจะได้เลือกตั้งใหม่ ได้เริ่มนับหนึ่งสู่รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนฉบับใหม่ และมีโอกาสร่วมสร้างอนาคตใหม่ของประเทศไทยอีกครั้ง โดยประชาชนที่สนใจสามารถลงชื่อได้ที่ https://www.resetthailand.org ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการลงชื่อครบ 50,000 คน ไม่เกิน 1 เดือน ซึ่งวันนี้เปิดลงชื่อเป็นวันแรกมีประชาชนลงชื่อกว่า 3,000 คนแล้ว