ก้าวไกลล็อกเป้า อภิปราย 3 ป. ขอให้รอดู มีหลักฐานหนักแน่น ไม่สนทีมพิทักษ์รัฐมนตรี เย้ยก็แค่กลยุทธ์สกัด ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
วันที่ 26 มิ.ย.2565 นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ ว่าพรรคเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจ กลุ่ม 3 ป.เป็นตัวหลัก ที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ และอาจมีรัฐมนตรีคนอื่นอีกหลายคน อยากให้รู้ในวันอภิปราย รัฐมนตรีควรจะรู้ว่าตัวเองคลาดเคลื่อนบกพร่องเรื่องใด ให้เตรียมตัวให้ดี
ขอให้รอดูว่าพรรคก้าวไกลจะมีอะไรที่สามารถจัดการรัฐมนตรีที่โดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในขณะนี้มีหลายคนที่มีข้อมูลที่หนักแน่น มีหลักฐานที่ชัดเจนมาก รอดูว่าส.ส.พรรคจะอภิปรายอย่างไร เปิดเผยหลักฐานอะไร และรัฐมนตรีที่โดนอภิปรายจะชี้แจงอย่างไร
ส่วนกรณีวิปรัฐบาลตั้งทีมเจ้ายุทธ ขึ้นมาเพื่อประสานการทำงานกับทีมปราบมาร เพื่อเตรียมพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่า เป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลตั้งทีมองครักษ์พิทักษ์ตนเอง ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
หากรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าไม่ได้ทุจริต สามารถเตรียมข้อมูล ตอบข้อซักถามได้ การตั้งทีมก็ไม่จำเป็น แต่หากรู้สึกว่ารัฐมนตรีไม่สามารถตอบได้ อาจมีการตั้งทีมลักษณะนี้มาสกัดเพื่อให้การอภิปรายไม่ราบรื่น เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งของฝ่ายรัฐบาลที่ทำมาตลอด ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร
เมื่อถามว่า จะรับมือกับทีมเจ้ายุทธได้หรือไม่ นายธีรัจชัย กล่าวว่า เรื่องแรก คือเรื่องของข้อมูล เชื่อว่าเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายของฝ่ายค้าน ฝ่ายค้านทุกพรรคเตรียมข้อมูลมาอย่างดี มีข้อมูลหนักแน่นที่ผู้อภิปรายคัดสรรมาแล้ว ทำให้รัฐบาลไม่สามารถตอบคำถามได้ ความเชื่อมั่นจะลดลง
อีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องของการเมือง รัฐบาลขณะนี้ไม่มีเอกภาพ รัฐมนตรีบางคนถึงขั้นหวาดกลัวญัตติของฝ่ายค้านที่จะวิจารณ์ตนเอง อาจมีเสียงของฝ่ายรัฐบาลที่แตกออกในส่วนของการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี บางส่วนมาสมทบกับฝ่ายค้าน สิ่งนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ เมื่อดูจากสถานการณ์ มีความขัดแย้งของรัฐมนตรีบางคน มีการช่วงชิงอำนาจกันภายในพรรครัฐบาลบางส่วน เพื่อเข้าไปสู่ตำแหน่งทางการเมืองจึงต้องมีการต่อรอง
ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ เชื่อว่าอาจมีอะไรที่เปลี่ยนแปลง เช่น มีเสียงของ ส.ส.รัฐบาลในสภา 30 เสียงโหวตลงมติร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน นั่นหมายความว่า ฝ่ายรัฐบาลหายไป 30 เสียง ฝ่ายค้านได้เพิ่มมา 30 เสียง รวมกับอาจมีงดออกเสียง ส่วนนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลชุดนี้ เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของรัฐบาลรวมถึงรัฐมนตรี ที่เห็นไม่ตรงกัน หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อกันต้องไปเคลียร์กันเอง หากเคลียร์ไม่ได้อาจจะหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรี
กรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพปชร. ยื่นเรื่องถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน มีความกังวลว่าจะทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจสะดุดหรือไม่ นายธีรัจชัย กล่าวว่า ไม่สะดุด เป็นแค่กระบวนการหนึ่งที่มาขัดขวางการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
หากเอาหลักการประชาธิปไตยเป็นตัวตั้ง การที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลเป็นเรื่องปกติมาก เป็นกลไกตามระบอบประชาธิปไตย ถ้าทุกคนเคารพหลักการ ไม่ควรไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้มาขวางว่าเป็นญัตติเถื่อน หรือยื่นเรื่องต่อป.ป.ช.
การกระทำดังกล่าวคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ เป็นการกระทำเพื่อขัดขวางเอาตัวเองรอด เป็นเรื่องหยุมหยิม ควรมองภาพใหญ่ว่าเมื่อมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ต้องพร้อมให้ตรวจสอบอย่างสง่างามในสภา เชื่อว่ารัฐมนตรีคนใดที่เชื่อในหลักการ ไปสู้กันอย่างอกผายไหล่ผึ่ง กล้าต่อสู้ ย่อมเป็นสิ่งที่สง่างามมากกว่าเล่นหยุมหยิมแบบนี้ อยากให้การเมืองไทยคำนึงถึงหลักการประชาธิปไตย มากกว่าการใช้เทคนิคขัดแข้งขัดขาเพื่อเอาตัวเองรอด