‘ก้าวไกล’ ผิดหวัง รัฐสภา ปิดประตูแก้รธน.60 เพื่อหาทางออกให้การเมืองไทย

Home » ‘ก้าวไกล’ ผิดหวัง รัฐสภา ปิดประตูแก้รธน.60 เพื่อหาทางออกให้การเมืองไทย


‘ก้าวไกล’ ผิดหวัง รัฐสภา ปิดประตูแก้รธน.60 เพื่อหาทางออกให้การเมืองไทย

‘ก้าวไกล’ ผิดหวัง รัฐสภา ปิดประตูแก้รธน.60 เพื่อหาทางออกให้การเมืองไทย ชี้ส่งผลกระทบเลือกตั้งครั้งหน้าแน่ เล็ง นำข้อเสนอปชช.ทำนโยบายหาเสียง

เมื่อเวลา 12.50 น. วันที่ 17 พ.ย.64 ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส.พรรคก้าวไกล แถลงภายหลังรัฐสภามีมติไม่รับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับภาคประชาชนในวาระที่ 1 ว่า เป็นอีกหนึ่งครั้งที่รัฐสภาปิดประตูความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่หลายฝ่ายเห็นว่าเป็นปัญหา ทั้งที่ตอนหาเสียงเมื่อปี 2562 แทบจะเป็นฉันทามติของพรรคการเมืองที่เห็นตรงกันว่าจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ตนรู้สึกเสียดายโอกาสทองที่จะสามารถนำความขัดแย้งของประเทศไทยกว่า 20 ปีที่ผ่านมา รวมถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเข้าสู่สภาฯ และกรรมาธิการ (กมธ.) ถ้า ส.ว.และส.ส.รัฐบาลมองเห็นโอกาสตรงนี้ โดยยังมีวาระที่ 2-3 และการทำประชามติอีก ตนเสียดายที่ ส.ว.และรัฐบาลปิดประตูโอกาสที่จะมีการพูดคุยกัน ในการประนีประนอมเพื่อหาฉันทามติในการหาทางออกให้กับการเมืองไทย สังคมไทย และประเทศไทย

นายพิธา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (16 พ.ย.) กว่า 16 ชั่วโมง ไม่ถือว่าสูญเปล่าเสียทีเดียว วันหนึ่งเมื่อเรามองมาจากอนาคต ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง ตนคิดว่าเมื่อวานนี้เป็นโอกาสทองหรือโกลเด้น โมเมนต์ ที่ทำให้มีวาระที่เราสามารถถกแถลงอย่างเป็นทางการอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ทั้งความคิดของผู้คนที่หลากหลายในสังคมมารวมกันอยู่ในสภาฯ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดี ตนคิดว่าประชาชนที่ได้ฟังคำชี้แจงและเหตุผลของทั้งสองฝ่ายก็น่าจะพอพิพากษาหรือตัดสินใจได้ว่า อะไรคือสิ่งที่ควรจะเป็นอนาคตของประเทศนี้ในการแก้ปัญหาไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม

“พรรคก้าวไกล และผมในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมที่จะนำข้อเสนอ โดยอยากให้ฝ่ายนโยบายของพรรคเตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง เอาข้อเสนอของประชาชนฉบับนี้เป็นนโยบายทางการเมืองในการหาเสียงต่อไป และหวังว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนที่เชื่อและเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้ยื่นได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เข้ามา และเราจะผลักดันแก้ไขให้ความฝัน ความหวัง ของทุกคนเป็นจริงได้ในสักวันหนึ่ง” นายพิธา กล่าว

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าสถานการณ์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร จะมีความไม่พอใจเกิดขึ้นหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า อย่างที่บอกว่ามันเป็นโอกาสทองที่จะทุเลาความขัดแย้งบนท้องถนน และเอาเข้ามาใส่ไว้ที่ กมธ. และในสภาฯ ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสเช่นนี้ แต่ในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นตนคงบอกไม่ได้ แต่ความเดือดร้อนของประชาชนที่มีทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ที่ไม่ได้ตอบโจทย์ ไม่ได้ตอบสนองต่อความเดือดร้อนที่เขาเจอกันอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นสิ่งที่น่ากังวลใจ

เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าการเมืองนอกสภาฯ หลังจากการลงมติจะร้อนแรงขึ้น นายพิธา กล่าวว่า การเมืองจะร้อนแรงหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งปัญหาโควิด เศรษฐกิจ ภัยพิบัติ ทั้งนี้ ตนคิดว่าจะส่งผลกระทบในการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอนว่า มีใครที่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและตั้งใจที่จะลดอุณหภูมิการเมือง เหมือนอย่างที่ตนได้อภิปรายเมื่อวานนี้ว่ายังไม่สายเกินไป ถ้าผู้แทนราษฎรที่ถูกประชาชนเลือกเข้ามา มีความตั้งใจที่จะใช้รัฐสภาในการทุเลาและลดอุณหภูมิทางการเมืองลง เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ไม่ให้เราทำผิดซ้ำผิดซากเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

เมื่อถามว่าจะมีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องไปหารือกันก่อน เพราะเป็นฉันทามติของทุกพรรคการเมืองในช่วงปี 2562 ที่ผ่านมาว่าจำเป็นต้องแก้ไข ซึ่งครั้งนี้เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3.0 รอบที่สามแล้ว อะไรที่แปะตรงใจกลางของปัญหาจริงๆ มักจะไม่ผ่าน

ส่วนที่ผ่านไปตนก็ไม่แน่ใจว่าจะช่วยตอบคำถามว่าจะช่วยลดอุณหภูมิทางการเมืองหรือไม่ ในยามที่เราต้องการสมาธิเพื่อสู้กับปัญหา ไม่ว่าจะเรื่องสังคมสูงวัย เรื่องของไคลเมต เชนจ์ หรือเรื่องโรคระบาด ถ้าการเมืองยังไม่นิ่งตนคิดว่าไม่ว่าใครก็ไม่มีสมาธิในการแก้ไขปัญหา

เมื่อถามว่าความหวังที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญมีมากน้อยแค่ไหน ตราบใดที่ยังมี ส.ว. ชุดนี้ยังอยู่ นายพิธา กล่าวว่า ตราบใดที่ยังมีลมหายใจก็มีความหวังอยู่ดี ตนคิดว่าหากสิบปีข้างหน้ามองย้อนกลับมาก็ถือเป็นจุดเริ่มต้น เป็นโอกาสทองที่ทำให้มีการถกแถลงแสดงเหตุผลกันอย่างเป็นทางการอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่พอที่จะเริ่มคิดและตัดสินใจได้ว่าทิศทางของประเทศจะเป็นทางไหน

ซึ่งจะต้องมาพูดคุยกันในพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า การเดินหน้าทางการเมืองในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร ซึ่งหลายส่วนที่เป็นคุนูปการกับการเมืองไทย ทำให้สังคมไทยเข้าใกล้ระบบประชาธิปไตยมากขึ้นก็น่าจะบรรจุเป็นนโยบายหาเสียงของพรรคก้าวไกล ถ้าประชาชนเห็นว่าที่ผ่านมาระบบการเมืองไทยมันบิดเบี้ยว อยากจะให้มันกลับมาเข้าร่องเข้ารอยตามสำนึกของระบบประชาธิปไตยก็ขอแรงสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลด้วย

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ