ก้าวไกล ยกป้ายนโยบายพลังประชารัฐ กลางสภา ชี้หาเสียงไว้แต่ทำไม่ได้สักอย่าง เหน็บ ประยุทธ์ ทำนโยบายตัวเองให้ได้ก่อนไปเหน็บคนอื่น
31 พ.ค. 2565 – น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ก่อนที่รัฐบาลจะไปเตือนคนอื่นให้ทำตามนโยบายหาเสียง ตนคิดว่ารัฐบาลควรจะมองย้อนนโยบายของตัวเองก่อน ว่าทำตามที่หาเสียงได้สักเรื่องหรือยัง
ตลอด 4 ปี สวัสดิการเด็กยังไม่ถ้วนหน้า ทั้งที่หาเสียงไว้ว่า จะให้ 1,000-2,000 บาทต่อเดือน กับเด็ก 0-8 ปี เมื่อมาดูงบปี 2566 เห็นแล้วใจหาย เพราะงบลดลงเหลือ 1.6 หมื่นล้านบาท น้อยกว่าปีที่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเพียงพอดูแลเด็กอย่างทั่วถึง
ส่วนสวัสดิการผู้ใช้แรงงานนอกระบบ มาตรา 40 ที่รัฐควรดูแลคนกลุ่มนี้มากที่สุด แต่ไม่ตั้งงบอย่างเพียงพอ แม้แรงงานกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า รัฐก็ยังไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อจูงใจให้สมทบเงินต่อ และตั้งงบไว้ไม่เพียงพอ เป็นเหมือนการสารภาพว่าจัดการล้มเหลว
น.ส.วรรณวิภา กล่าวต่อว่า ผ่านมา 4 ปี เบี้ยผู้สูงอายุยังเท่าเดิม ทั้งที่ตอนหาเสียงบอกว่าจะให้ 1,000 บาท ซึ่งต้องใช้งบประมาณ 1.3 แสนล้านบาท แต่มาจนถึงปี 2566 ก็ตั้งไว้เพียง 8.7 หมื่นล้านบาท ทั้งที่จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นทุกปี ส่วน พ.ร.บ.บำนาญ ที่จะเป็นความหวังของประชาชนกลับถูกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปัดตกไปเกือบทั้งหมด
พรรคก้าวไกล ไม่ได้ต้องการจะลดบำนาญข้าราชการ แต่อยากให้เพิ่มสวัสดิการประชาชน เพราะเกิดความเหลื่อมล้ำบำเหน็จ บำนาญ มากเกิน เราเพียงกระตุ้นเตือนให้รัฐบาลทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้
หากพรรคก้าวไกล ได้เป็นรัฐบาล จะเปลี่ยนระบบสวัสดิการอนาถาเป็นสวัสดิการถ้วนหน้า โดยเด็ก 0-6 ขวบ จะได้เงิน 1,200 บาทต่อเดือน ทั้งยังจะปฏิรูปสวัสดิการสังคม โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์แรงงานนอกระบบ และบอร์ดประกันสังคมจะต้องมาจากการเลือกตั้ง บำนาญถ้วนหน้า 3,000 บาทต่อเดือน รวมถึงระบบดูแลผู้สูงอายุป่วยติดเตียง การมีสวัสดิการเช่นนี้จะช่วยรองรับให้แรงงานได้ลืมตาอ้าปาก ไม่ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลัง
“หากรัฐบาลนี้ทำไม่ได้ก็ควรพิจารณาตัวเอง ให้คนใหม่ทำแทน เพื่อไม่ให้นายกฯ ลืมนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ ดิฉันมีเครื่องช่วยเตือนความจำ คือป้ายหาเสียงนโยบาย และอยากเตือนว่าอย่าเอาเรื่องเหล่านี้ไปหลอกลวงประชาชนอีก”