นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล กล่าวเมื่อวันจันทร์ (2 ส.ค.) ว่ากรรมาธิการชุดที่พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 มีมติให้นำงบประมาณ 16,362 ล้านบาท ที่ปรับลด ไปเพิ่มในงบกลางที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมดูแล โดยอ้างว่าเพื่อแก้ปัญหาโรคโควิด-19
ส่วนผู้ที่เสนอให้นำงบประมาณที่ปรับลดลง ไปให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดูแล คือ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ
ก้าวไกลแห่ค้าน เพื่อไทยเห็นชอบ
มติดังกล่าวมีผู้เห็นชอบ 35 เสียง ไม่เห็นชอบ 7 เสียง และงดออกเสียง 3 เสียง ซึ่งผู้ที่ไม่เห็นด้วย 7 คนดังกล่าว คือ
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล 6 คน และพรรคประชาติ 1 คน ได้แก่
- นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล
- น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ
- น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ
- น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส. กรุงเทพมหานคร
- นายวาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ
- นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ
- พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ
ส่วนสมาชิกคณะกรรมาธิการชุดนี้จากพรรคเพื่อไทย กลับเห็นชอบตามสิ่งที่นายบุญสิงห์เสนอ
โยกเข้างบกลางลดหนทางตรวจสอบ
นางสาวศิริกัญญา การเพิ่มงบเข้างบกลางโดยบอกว่าเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 นั้นฟังเหมือนดูดี แต่ความจริงแล้วเมื่อเข้าไปอยู่ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะนำเงินก้อนนี้ไปใช้กับเรื่องอะไร ใช้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลหรือไม่ และจะนำไปใช้ในการแก้ปัญหาโควิด-19 จริงหรือไม่เราอาจไม่ทราบได้
“ในขณะที่ท้องถิ่นขาดรายได้ ขนาดที่จะไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงาน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุก็ตั้งไว้ไม่พอจ่าย เราคิดว่าการคืนงบให้กับหน่วยงานที่มีภารกิจโดยตรง มีแผนการใช้จ่าย และมี ‘ใบเสร็จ’ จะเป็นการช่วยเหลือประชาชนมากกว่าการโอนงบฯ เข้าสู่งบกลาง ตีเช็คเปล่าให้ พล.อ.ประยุทธ์ บริหาร” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
นางสาววรรณวิภา ไม้สน ส.ส. ก้าวไกล ปีกแรงงาน ที่เป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าว ให้ความเห็น ว่าตนเสียใจ เศร้าใจ ผิดหวังมาก ในฐานะที่ที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง แถมเป็นคนรากหญ้า ที่หาเช้ากินค่ำ หมดหวังกับการบริหารของรัฐบาลไม่พอ ยังผิดหวังกับการตัดสินใจของกรรมาธิการงบประมาณอีก
“อภิปรายกันมาตลอด ว่ารัฐบาลบริหารเงินไม่เป็น ไม่ตรงจุด แต่ยังมีมติเอาเงินทั้งหมดไปให้บกลาง ที่นายกและรัฐบาลริหาร ในขณะทีสวัสดิการประชาชนโดนตัดมากมาร่วม 35,000 ล้านบาท กลายเป็นว่าสวัสดิการประชาชนก็ต้องไปลุ้นชิงโชคเอาอีกเหมือนเดิม การเข้ามาเป็นกรรมาธิการครั้งแรก ตั้งใจมาทวงสวัสดิการให้ประชาชน เพราะเป็นสิ่งสำคัญมากในช่วงสถานการณ์แบบนี้ กลายเป็นว่าไม่สามารถทวงคืนอะไรได้เลย”
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล กมธ.จากพรรคก้าวไกล กล่าวทิ้งท้ายว่า “พวกเราตั้งใจมาทำงานในกรรมาธิการ เพื่อรีดไขมันออกจากหน่วยราชการที่ตั้งงบมาโดยไม่คำนึงถึงวิกฤติของประเทศ เพื่อที่เราจะนำงบประมาณไปให้กับรายการที่ใช้จ่ายเพื่อสวัสดิการของประชาชนอย่างแท้จริง ในเมื่อเราไม่รับหลักการในวาระ 1 เพราะเราไม่ไว้วางใจในการจัดสรรงบประมาณของประยุทธ์ ล้วเหตุผลอะไร ที่เราจะแปรงบที่ตัดมาได้ คืนให้งบกลาง เพื่อให้นายกฯ ที่ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ มามีอำนาจเต็มในการจัดสรร”