ก้อง ปิยะ ทุ่มสุดตัว พยุงลูกน้องช่วงโควิด ถึงขั้นซึมเศร้า ขาดทุนกว่า 8 หลัก
ก้อง ปิยะ ทุ่มสุดตัว – วันที่ 8 ธ.ค.ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ผู้จัดละครคนเก่ง ก้อง ปิยะ เศวตพิกุล เดินทางมาร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์อาเซียนแห่งกรุงเทพมหานคร ซึ่งภายหลังจบงานได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการทำงานในช่วงโควิดกับการลงทุนทำงานอีเว้นต์ และยูทูบที่ทุ่มเงินกว่า 8 หลัก พยุงลูกน้อง
ตอนนี้อีเว้นต์เริ่มกลับมาแล้ว? “ตอนนี้ก็เริ่มกลับมาแล้วนะคะ มาตั้งแต่เดือนกันยายน เริ่มมาเรื่อยๆ ปีหน้าก็เริ่มมีมาเรื่อยๆ แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะตอนนี้โอไมครอนก็กลับมาอีก เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ก็ภาวนาขอให้โอไมครอนชะลอความรุนแรงลง ให้สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ แต่อย่างน้อยตอนนี้
จริงๆ แล้วไม่ว่าจะอะไรมา เราก็ต้องสู้ ถ้าไม่สู้ก็คงจะอยู่ไม่รอด ต้องทำมาหากิน ต้องทำงาน ไม่งั้นอาจจะตายได้ วิธีการที่ดีที่สุด คือดูแลตัวเอง ป้องกันตัวเอง ไม่ประมาท แล้วก็ดูแลคนอื่นด้วย ก็ถือว่าดีที่สุดในการที่จะป้องกันโรคได้”
กระบวนการจัดงานอีเวนต์ตอนนี้ต้องทำยังไงบ้าง? “เวลาจัดงานอีเวนต์ตอนนี้ คือบอกก่อนนะ ของบริษัทเรา เราทำทั้งออนไลน์ เป็นแบบ Global ไปทั่วโลก ไปจีน ไปอเมริกาอย่างนี้แทน แล้วก็ออนกราวด์ เป็นออนกราวด์ผสมผสานกับออนไลน์ ทุกอันที่ทำเราก็จะมีการตรวจ ATK สมมติว่าทำ 2 วัน เซ็ตอัพ 1 วัน ก็ต้องตรวจทั้ง 2 วัน แล้วก็ห้ามคนนอก เข้ามาเกี่ยวข้องในกองเรา แล้วทุกคนก็ต้องฉีดวัคซีน คือเราก็ต้องทำมาตราฐานมัดรัดกุมมากยิ่งขึ้น ยิ่งทำออนไลน์อยู่ในห้องที่ปิดๆ บางทีเราต้องระวังมากๆ เพราะว่าเราไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น ก็เลยต้องระวังนิดหนึ่ง”
ความยากง่ายของการออนไลน์กับออนกราวด์มันต่างกันยังไง? “เมื่อก่อนเราทำออนกราวด์ตามห้างต่างๆ มันก็มีสีสันแบบหนึ่ง พอตอนนี้มาทำออนไลน์ มันก็ทำให้เรารู้สึกว่า เราสามารถสร้างอะไรเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ทำให้มันมีความมหัศจรรย์ขึ้น มีสีสัน มีชีวิตชีวามากขึ้น เอาออนกราวด์มาผสมกับออนไลน์มากขึ้น จริงๆ เมื่อก่อนไม่ถนัดออนไลน์เลยนะ แต่พอโควิดมาปี 63 ต้องปรับตัวมาทำออนไลน์กันสุดฤทธิ์สุดเดช เราก็ต้องทำด้วย ต้องศึกษาต่างๆ นานา ก็ทำมาเต็มที่ เราว่าสนุกดีนะ ได้อะไรแปลกใหม่กับชีวิตค่ะ”
รายได้ต่างกันไหม? “เรื่องรายได้ต้องบอกก่อนนะคะ ว่าทุกอาชีพโดนเหมือนกันหมด เพียงแต่ว่าเราก็ต้องดูแลสิ่งที่เรามีอยู่ให้ดีที่สุด ลดค่าใช่จ่าย แต่อยผู้ในปริมาณที่เราสามารถที่จะลองรับลูกค้าได้ถูกในที่สุด ทำอะไรก็ตาม ก็พยายามดูแลต้นทุน ให้สามารถครอบคลุมทุกอย่างได้ นักข่าวเองก็คงจะโดนเหมือนกัน ช่องทีวีก็โดนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นต้องดูแลต้นทุนให้ได้มากที่สุด รายได้ก็จะน้อยลงหน่อย แต่ก็ต้องทำใจค่ะ”
รายได้มันน้อยกว่าเดิมเยอะไหม? “น้อยกว่าเดิมมั้ย ตอนนี้ยังไม่กล้าประเมิน เพราะเมื่อต้นปี 63 จนถึงกลางปีนี้ ก็เจอไปหนักเหมือนกัน มันมาๆ ไปๆ ทีนี้เมื่อไหร่ที่โควิดมันคงที่ รู้แล้วว่าจะมาแค่ไหน เราก็อาจจะประเมินกันได้ ว่าหายไปเท่าไหร่ แต่บอกได้เลยว่า หายไปเยอะเหมือนกัน”
ในฐานะนายจ้าง 2 ปีที่ผ่านมา เรียกว่าเราแบกรับทุกอย่าง? “ค่ะ ทุกคนถามว่าทำไมถึงผอม ไม่ได้ลดน้ำหนักนะคะ ผอมเพราะว่า เวลาที่โควิดมารอบ 1 รอบ 2 รอบ 3 ก็ต้องตั้งใจศึกษา ทำให้เครียด เราก็ไม่มีครอบครัว ลูกก็ไม่มี ผัวก็ไม่มี พนักงานทุกคนก็เหมือนครอบครัวเรา เราก็ต้องพยายามหางานหาเงิน ดูแลบริษัทให้รอดอยู่ได้ เราก็เครียด เพราะปีที่ไม่มีงาน มันหยุดอยู่บ้านกันทุกคน มันก็เหนื่อย ไม่ใช่แค่ผอมลงนะ ผมร่วงด้วย”
ไม่ได้ตัดพนักงานออกใช่ไหม? “เราทนมาถึงปีครึ่ง เมื่อตอนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพิ่งเลย์ออฟไปบางส่วน ประมาณ 10 คนที่ออกไป ก็เหลือไว้อีกครึ่งหนึ่งใหญ่ๆ 20 กว่าคน เพื่อรับภาระของงานที่มีอยู่ แหม่มันก็ยากเนอะ เพราะทุกคนก็ตัดสินใจเป็นครอบครัวกัน เราเหมือนพี่น้องกัน ทำงานกันมาเป็นสิบๆ ปี มันก็ยาก จะทำยังไงกับบริษัท เพราะตอนนี้เราก็ต้องดูแลตัวเองด้วย”
ยังไปไหวอยู่ใช่ไหม? “ตอนนี้ยังสู้อยู่ค่ะ โชคดีที่ตั้งแต่เดือนกันยายนมายังโอเค แล้วปีหน้าก็มีคนจองเข้ามา แล้วพอดีว่าเรามีงานออนไลน์ มันก็เลยช่วยตรงนี้ได้อีกเยอะ มันก็ดีขึ้น ตอนนี้เราก็ศึกษา เปิดแผนกเพิ่มใหม่ เปิดรายการยูทิวบ์ใหม่ บอกก่อนนะคะ 17 ธันวาคมนี้ จะมีรายการยูทิวบ์ใหม่ของตัวเองทำเอง ชื่อรายการ ‘พาผู้ไปรัวลิ้น’ อยากรู้ต้องติดตามชม แล้วก็ทำแผนกอาหารขึ้นมา ทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้อยู่รอด”
เป็นพิธีกรเอง? “พาผู้ไปรัวลิ้นเป็นรายการอาหารอีกรูปแบบหนึ่งที่จะรัวยังไงต้องไปลองดู เป็นพิธีกรเองกับน้องที่อยู่บางกอกกระซิบค่ะ เป็นกันสองคนแล้วในเทปก็จะมีผู้ชายแซ่บๆมาให้ชมกัน แล้วก็ประมาณปลายปีออก อีกรายการหนึ่งค่ะ รายการออกกำลังกายสำหรับคนอยู่บ้านค่ะ ชื่อรายการปั้นให้แข็งค่ะ อย่าคิดลามกนะคะ ปั้นให้แข็งเราปั้นร่างกายให้แข็งแกร่ง ก็ต้องรอติดตามชมว่ามันจะแข็งแกร่งกันยังไง ก็ทำทุกอย่างค่ะตอนนี้”
ถ้าสถานการณ์มันไม่ดี รายการเราจะเป็นยังไงต่อ? “ตอนนี้รายการยูทูบพี่คำนวณเงินทั้งหมดแล้วนะคะ คือพี่คิดว่าของพี่เองยังมีกำลังต่อสู้ต่อ พี่เห็นว่าบริษัทพี่ในส่วนของอีเว้นต์ยังมีแสงอยู่ พี่คิดว่าแสงสว่างยังมีมาให้รอดอยู่ พี่คิดว่าพี่ยังสู้ไหว ยังรับผิดชอบไหวทุกอย่างนะ เราปรับโครงสร้างหลายอย่าง พี่ทำงานอีเว้นต์โกบอลไปทั่วโลก fandom exclusive live
พี่ก็ขายอีเว้นต์โชว์ไปทั่วโลก เป็นโปรเจ็กต์ใหม่ที่ทำจึ้นมาประมาณ 6 ครั้งละ ปีหน้าเป็นครั้งที่ 7 ก็ขายทั่วโลกเลย เป็นโกลอลโชว์ แล้วเราก็จะทำอีกหลายๆโปรเจ็กต์ อย่างลิ้นติดโปรแฟร์ ก็ทำอีกในงานตลาดที่เป็นอาหารอร่อยอีก คือตอนนี้พี่ก้อง ปิยะ เรียกว่าทำทุกอย่าง every thing ค่ะ”
เครียดไหม? “เครียดนะคะ เคยอยู่เมื่อต้นปีที่แล้ว โควิดมาระลอกแรกพี่ว่าพี่เป็นซึมเศร้า พี่เคยรู้สึกว่าไปดูรูปคุณพ่อคุณแม่แล้วอยากไปอยู่กับเขา อยากจะไปอยู่กับเขาทั้งๆที่เขาไปแล้ว ก็อยากไปอยู่ตอนช่วงนั้น รู้สึกว่ามันเหมือนกับเป็นซึมเศร้า ก็ยังโทรไปบอกพี่ชุดาภาว่า เอ๊ะทำไมตัวเองถึงอยากไปอยู่กับพ่อแม่ที่เสียไปแล้ว เขาบอกว่าเป็นซึมเศร้าแล้วล่ะ ต้องหันมาทำงาน และทำจิตใจให้สู้ให้ได้ จนต้นปี พ.ศ.2563 โควิดรอบแรกนะคะ ตอนนี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ปลอดภัย”
ดึงตัวเองกลับมายังไง? “พี่ก็พยายามทำงาน คุยงานแล้วก็หาอะไรทำให้เรามีจุดมุ่งหมาย แล้วก็มองคนอื่นไปว่าคนอื่นเขาก็ทุกข์กว่าเราเยอะ คนอื่นเขามีปัญหากว่าเราเยอะ ถ้าเกิดเราไม่สู้ แล้วใครเขาก็ลำบากเหมือนเราจะทำยังไง เลยต้องสู้ต่อ”
2 ปีที่ผ่านมาที่สู้ไป ขาดทุนไปเท่าไหร่? “ก็เป็นเงินประมาณ 8 หลักค่ะ ก็เหนื่อย แต่โชคดีที่เราเก็บออมสะสม ตอนนี้เราก็ยังปลอดภัย ลูกน้องที่อยู่กับเราตอนนี้ก็ยังทำงานปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง”
เราไม่เคยคิดจะทิ้งเขา แล้วเอาตัวรอดไปคนเดียว? “ไม่เคยค่ะ พอโควิดมารอบ 1 รอบ 2 ก็จะมีการปิดบริษัท แต่พี่เนี่ยตอนนี้ 2 ปีแล้วก็ยังสู้ต่อ เพราะพี่คิดว่าแสงสว่างที่ปลายทางมันยังมีอยู่ พี่ก็ยังสู้ต่อ ลูกน้องทุกคนที่อยู่กับพี่ เขาก็ยังสู้ต่อ เราเองก็มีความเชื่อมั่นในการทำงานของเราอยู่ เราก็มั่นใจผลงานและคุณภาพของเรา โควิดมายังไงก็ต้องสู้ค่ะ ไม่สู้คือไม่มีกินนะคะ ทุกคนก็ต้องสู้ และช่วยกันดูแลตัวเองให้ปลอดภัย”