กูรูสุขภาพ จู่ๆ ป่วยมะเร็ง หมอชี้ 3 สิ่งที่ "มากเกินไป" ร้ายกว่าเหล้า-บุหรี่ แต่คนไม่ค่อยใส่ใจ!

Home » กูรูสุขภาพ จู่ๆ ป่วยมะเร็ง หมอชี้ 3 สิ่งที่ "มากเกินไป" ร้ายกว่าเหล้า-บุหรี่ แต่คนไม่ค่อยใส่ใจ!
กูรูสุขภาพ จู่ๆ ป่วยมะเร็ง หมอชี้ 3 สิ่งที่ "มากเกินไป" ร้ายกว่าเหล้า-บุหรี่ แต่คนไม่ค่อยใส่ใจ!

หญิงวัย 59 เพื่อนบ้านยกเป็น “กูรูด้านสุขภาพ” จู่ๆ ป่วยมะเร็งตับอ่อน หมอชี้ 3 สิ่งที่ “มากเกินไป” อันตรายกว่าเหล้า-บุหรี่ แต่คนไม่ค่อยใส่ใจ!

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 หนังสือพิมพ์ Sohu ของประเทศจีน รายงานกรณีของนางหลี่ หญิงวัย 59 ปี ที่เป็นมะเร็งตับอ่อน ทั้งที่ไม่มีนิสัยสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นี่เป็นสัญญาณเตือนสำหรับหลายๆ คน เพราะชีวิตสมัยใหม่ทำให้เรามักมองข้ามอาการของโรคต่างๆ

นางหลี่ได้รับเกียรติจากเพื่อนบ้านว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ” เพราะเธอรักษาวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีอยู่เสมอ เช่น ดื่มน้ำให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และอยู่ห่างจากบุหรี่และแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเธอจะตรวจพบ “มะเร็งตับอ่อน” โรคร้ายนี้ทำให้เธอรู้สึกเศร้าใจมาก และถามหมอว่าทำไมเธอที่รักษานิสัยดีๆ ในการดำรงชีวิต ถึงยังเป็นมะเร็ง

ตามคำอธิบายของแพทย์ที่ทำการรักษา แม้ว่านางหลี่จะใส่ใจในการปกป้องสุขภาพของตัวเองอยู่เสมอ แต่ในเวลาเดียวกันเธอก็ยังคงละเลย 3 สิ่งต่อไปนี้ “มากเกินไป” ทำให้สุขภาพเสียหายโดยที่ไม่รู้ตัว และเป็นสาเหตุของโรคร้ายที่ไม่เคยคาดคิด

3 สิ่งที่ “มากเกินไป” ก่อให้เกิดมะเร็งเร็วกว่าการสูบบุหรี่และดื่มเหล้า

1.เครียดมากเกินไป

แพทย์พบว่าแม้นางหลี่จะดูมองโลกในแง่ดี แต่เธอยังคงเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากครอบครัวและที่ทำงาน การวิจัยแสดงให้เห็นว่าความเครียดเป็นเวลานานจะเพิ่มระดับคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง สิ่งนี้สร้างสภาวะให้เซลล์มะเร็งพัฒนา เนื่องจากร่างกายไม่สามารถควบคุมการตอบสนองการอักเสบ และการซ่อมแซมเนื้อเยื่อได้อย่างเหมาะสมอีกต่อไป

การศึกษาจากมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปคินส์ (Johns Hopkins University) ยังแสดงให้เห็นว่า ความเครียดเรื้อรังสามารถส่งเสริมการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคซ้ำหลังการรักษา นี่เป็นการสะท้อนว่าแม้จะมีนิสัยการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ แต่ความล้มเหลวในการควบคุมความเครียด ก็สามารถลดความสามารถของร่างกายในการป้องกันมะเร็งได้

2. บริโภคน้ำตาลและไขมันมากเกินไป

แม้ว่าปกตินางหลี่จะพยายามดื่มน้ำให้เพียงพอ แต่อาหารของเธอก็มีน้ำตาลและไขมันมาก โดยเฉพาะมื้อเย็น-มื้อดึกซึ่งทานอิ่มเกินไป สิ่งนี้สร้างแรงกดดันต่อตับอ่อนซึ่งเป็นอวัยวะที่ไวต่อการอักเสบเรื้อรัง เนื่องจากการรับประทานอาหารที่ไม่ดี และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง

การศึกษาจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ยืนยันว่าอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันและคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว จะเพิ่มการอักเสบในร่างกายและความเสี่ยงของมะเร็งตับอ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกินขนมหวานมากๆ และการรับประทานตอนกลางคืนอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน ซึ่งเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็ง

3. ขี้เกียจเกินไปที่จะตรวจสุขภาพเป็นประจำ

นางหลี่ยอมรับกับแพทย์ว่า เธอมั่นใจเรื่องสุขภาพของตัวเองมากเกินไป ทำให้ขี้เกียจไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ ความผิดพลาดนี้เองที่ทำให้เธอพลาดโอกาสที่จะตรวจพบโรคร้ายในระยะเริ่มแรก

มะเร็งตับอ่อน ถือเป็นมะเร็งที่ตรวจพบได้ยากที่สุดชนิดหนึ่ง เนื่องจากอาการเริ่มแรกมักไม่ชัดเจน ขณะเดียวกันการวิจัยแสดงให้เห็นว่า การตรวจคัดกรองเป็นประจำสามารถตรวจพบมะเร็งได้ในระยะเริ่มแรก ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง หรือมีปัจจัยเสี่ยงสูง ยิ่งต้องให้ความสนใจมากขึ้น

  • เกือบจัดงานศพ หนุ่มปวดท้องเป็นเดือนๆ ไม่หาย หมอผ่า “สิ่งนี้” ออกมา ตาตื่นทั้งครอบครัว!
  • หนุ่มอับอาย เข้าห้องฉุกเฉินเพราะ “เจ้าโลก” แข็งไม่ยอมสงบ อึ้งหมอชี้สาเหตุ อาหารเมนูนี้!

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ