.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
นักโภชนาการญี่ปุ่น เตือนมื้อเย็นที่ “ทำร้ายตับ” ชอบกิน 3 อย่างนี้ ระวังไขมันพอก-ตับแข็ง แนะเปลี่ยนนิสัยเพื่อสุขภาพตัวเอง!
ตับ มักถูกเรียกว่าเป็น “เครื่องจักรเงียบ” ในร่างกาย ซึ่งทำหน้าที่ประมวลผลทุกสิ่งที่เรารับเข้ามา แต่กลับเป็นอวัยวะที่หลายคนมักละเลยการดูแล และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดสภาวะโรคตับโดยไม่รู้ตัว ไม่เพียงแต่ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันยากขึ้นเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น เราควรเริ่มดูแลสุขภาพตับตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพแข็งแรง!
ตามที่นักโภชนาการชาวญี่ปุ่น “เคียวสุ คาโอรุ” (Kyosu Kaoru) กล่าวไว้ว่า อาหารมีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพตับ โดยเฉพาะการกินมากเกินไปในมื้อเย็น จะทำให้ตับทำงานหนักเกินไปในเวลากลางคืน ส่งผลให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ โรคตับอักเสบ และกระทั่งตับแข็งได้
ความผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นประการหนึ่งที่ทำให้ตับทำงานหนักเกินไปคือ การกินขนมหวานมากเกินไปหลังอาหารเย็น เนื่องจากขนมมักมีคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูง ทำให้ตับต้องทำงานเต็มประสิทธิภาพตลอดทั้งคืน ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำให้จำกัดการบริโภคคาร์โบไฮเดรต (ข้าว ขนมปัง เส้นก๋วยเตี๋ยว) และไขมัน (เนื้อสัตว์ที่มีไขมัน ชีส) ในตอนเย็นด้วย เปลี่ยนมาทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อตับ เช่น เนื้อไม่ติดมัน ปลา ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง และผักใบเขียว
การงดอาหารกลางวันหรือรับประทานอาหารกลางวันน้อยเกินไป ก็ถือเป็น “นิสัยไม่ดี” ที่ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อสุขภาพ เพราะมักทำให้เกิดอาการหิวในช่วงเย็น และทำให้กินมากเกินความต้องการในท้ายที่สุด ดังนั้น ควรทานอาหารมื้อกลางวันให้เพียงพอ และไม่ทานอาหารมื้อเย็นช้าเกินไป เพื่อควบคุมปริมาณอาหารที่ทานเข้าไป
นอกจากปรับการรับประทานอาหารแล้ว ให้ฟังสัญญาณเตือนจากร่างกายของตัวเองด้วย การรู้สึกหิวและการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักในตอนเช้า ก็อาจเป็นสัญญาณว่าการทำงานของตับกำลังดีขึ้น หากรู้สึกหิวมากกว่าปกติ ร่างกายรู้สึกเบาสบายและสดชื่น หรือน้ำหนักลดลง นั่นอาจเป็นสัญญาณบวกว่าตับทำงานดีขึ้น
“อย่ารอจนกว่าตับจะส่งสัญญาณเตือนก่อนจึงค่อยเริ่มดูแล ควรดูแลสุขภาพตับของคุณตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี!” เคียวสุ คาโอรุ เน้นย้ำ
ผู้เชี่ยวชาญยังให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์เพื่อช่วยปกป้องสุขภาพตับด้วย นั่นก็คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในอาหารประจำวัน เน้นทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อตับ เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีนไขมันต่ำ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ การพักผ่อนที่เพียงพอ และการตรวจสุขภาพตับเป็นประจำ ถือเป็นกุญแจสำคัญในการมีตับที่แข็งแรง และหลีกเลี่ยงผลที่ไม่พึงประสงค์ในภายหลัง