กการทานอาหารจากถุงพลาสติก สะดวกแบบที่หลายๆ คนชอบทำ แต่อาจนำหายนะมาสู่ทั้งครอบครัว เจอเคสแม่เป็นมะเร็งมดลูก และลูกสาว ป.3 เข้าสู่วัยแรกรุ่น
ตามรายงานพบว่า คุณหลิน (นามสมมุติ) หญิงอายุ 40 ปี ที่อาศัยอยู่ในใต้หวัน ไม่อยากเชื่อว่าการกระทำเล็กๆ น้อยๆ เรื่องอาหารการกินที่ทำจนเป็นนิสัย สุดท้ายอาจทำให้ทั้งครอบครัวตกอยู่ในโศกนาฏกรรมได้ จึงตัดสินใจนำเรื่องราวมาแชร์เพื่อเป็นอุทาหรณ์
คุณหลินบอกว่า เนื่องจากงานประจำของเธอยุ่งมากพอแล้ว จึงไม่ค่อยได้ทำอาหารทานเอง แต่มักจะหิ้วถึงพลาสติกที่มาอาหารปรุงสุกเมนูหลากหลายกลับบ้านทุกวัน บางครั้งเพราะความรีบร้อนหรือความสะดวก จึงแค่เอาถุงวางใส่ชามแล้วกินจากในถุงทันที โดยไม่เทอาหารใส่จานชามดีๆ
เพราะนึกไม่ถึงว่านิสัยที่ทำมาเช่นนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จะนำไปสู่โศกนาฏกรรมด้านสุขภาพสำหรับคนทั้งบ้าน ครอบครัวที่มีสมาชิก 4 คนราวกับถูกวางยาพิษมาเรื่อยๆ ท้ายที่สุดตัวเธอเองเป็นมะเร็ง และลูกสาวที่เพิ่งเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก็เข้าสู่วัยแรกรุ่นเร็วมากๆ
ทั้งนี้ เมื่อประมาณครึ่งปีที่แล้ว คุณหลินเคยเข้ารับการรักษาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ แม้หลังจากใช้ยาไปหลายครั้งแต่อาการก็ยังคงกำเริบขึ้นบางครั้ง ในระหว่างนั้นเธอสังเกตว่าลูกสาวชั้น ป.3 ก็มีอาการผิดปกติมากมาย จึงตัดสินใจพากันไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลกลาง
โดยไม่คาดคิด ผลปรากฏว่าเธอเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และถูกบังคับให้ต้องผ่าตัดมดลูกออกเพื่อเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ส่วนลูกสาวของเธอต้องทนทุกข์ทรมานจากการเข้าสู่วัยแรกรุ่นก่อนวัยอันควร
การทดสอบที่เกี่ยวข้องแสดงให้เห็นว่า ทั้งแม่และลูกสาวมีระดับฮอร์โมนสิ่งแวดล้อมจากสาร DEHP (di phthalate) ซึ่งเป็นสารเคมีที่นิยมใช้ในการผลิตพลาสติก โดยพบในร่างกายสูงกว่าระดับปกติหลายเท่า คุณหมอกล่าวว่าสาเหตุมาจากนิสัยชอบกินอาหารประเภทซุปร้อนๆ ในถุงพลาสติกมานานหลายปี
“เมื่ออุณหภูมิสูงสัมผัสกับพลาสติก สารพิษ เช่น DEHP และ BPA จะถูกปล่อยออกมาอย่างง่ายดาย” คุณหมออธิบาย ซึ่งสารเหล่านี้เป็นฮอร์โมนสิ่งแวดล้อม มีโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนในร่างกายมนุษย์ สามารถแทรกซึมรบกวนระบบต่อมไร้ท่อ ส่งผลต่อการทำงานปกติของฮอร์โมน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง DEHP เป็นพลาสติไซเซอร์ที่มักพบในผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน เมื่อเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดมะเร็ง, วัยแรกรุ่นก่อนวัยอันควร และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง นอกจากนี้ยังส่งผลเสียต่อระบบประสาท ทำให้อ้วน โรคเบาหวาน เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ ทำลายตับและไต โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือจะเป็นอันตรายต่อเด็กมาก และผลร้ายกระทบจะคงอยู่ตลอดไป
ในเวลาต่อมา คุณหมอจึงขอให้สามีและลูกชายของคุณหลินมาตรวจร่างกายด้วย ผลก็คือลูกชายคนโตของเธอที่เพิ่งเข้าชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ก็มีสัญญาณเริ่มแรกของการเข้าสู่วัยแรกรุ่น และความผิดปกติของฮอร์โมนด้วย ส่วนสามีของเธอสะสมสารพิษในตับและไต ยังไม่ถึงขั้นเป็นโรคร้ายแรง แต่ก็ไม่สามารถมองข้ามได้
จากกรณีอุทาหรณ์ของครอบครัวคุณหลิน จึงเตือนประชาชนให้ลดการใช้ถุงพลาสติกเพื่อเก็บอาหารที่ร้อนหรือมีกรด รวมทั้งภาชนะพลาสติกที่มีคุณภาพต่ำ นอกจากนี้หากพบความผิดปกติ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ แต่คงอยู่อย่างไม่หาย ควรรีบไปพบแพทย์ก่อนที่จะสายเกินไป