‘กาละแมร์’พุ่งเป้าใช้ชีวิตที่เหลือ – พิธีกรสาวชื่อดัง ‘กาละแมร์’ พัชรศรี เบญจมาศ ก้าวข้ามฝ่ามรสุมดราม่า คัมแบ๊กสู่หน้าจอทีวีกับการทำหน้าที่พิธีกรรายการ “แมร์มาเหมา” ที่ออกอากาศทุก วันพุธ เวลา 23.00 น. ทางช่อง 3 กด 33
โดยกาละแมร์เปิดใจให้สัมภาษณ์ ถึงการ กลับมาทำอาชีพที่รักอีกครั้ง พร้อมเผยถึงชีวิตที่เหลือนับแต่นี้ ขอทำให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นสูงที่สุด
เป็นอย่างไรบ้างกับการกลับมาเป็นพิธีกร อีกครั้ง?
กาละแมร์ – “โคตรมีความสุข ที่ทำรายการ แมร์มาเหมา เกิดจากที่เราช่วยคนมาเยอะ แล้วพอจะทำรายการต้องทำอะไรที่อยากทำมากๆ และไม่เคยทำมาก่อน เลยคิดทำรายการนี้่ขึ้นมา แรงที่เราช่วยได้แค่ 1 ร้าน เมื่อออกสื่อไปแล้วคนจะเห็นเยอะมากขึ้น เขาจะรู้จักร้านนี้มากขึ้น แต่ละร้านที่ไปเป็นร้านอร่อย เป็นร้านที่คนเคยมาเข้าคิวเยอะ เป็นร้านที่เคยขายดีมาก แต่พอโควิดมาเงียบกริบ ดังนั้นแมร์อยากจะให้กำลังใจคนทำมาค้าขาย ให้บรรยากาศได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ให้เขามีกำลังใจสู้อีกครั้ง เขาจะได้รู้ว่าร้านเขาถึงเป็นรถเข็นแต่มีคนมองเห็น มีรายการทีวีมาถ่าย มีกาละแมร์มาเหมาให้ทำภารกิจ แล้วจะได้เห็นน้ำใจพ่อค้าแม่ค้าร้านข้างๆ ที่มาช่วยกัน”
“การได้ออกไปลงพื้นที่จริงมันทำให้ได้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนจริงๆ ได้เห็นเลยว่าการต่อสู้ของคนมีอยู่จริง แล้วน้ำใจของคนมีอยู่จริงๆ ฉะนั้นรายการนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์เฉพาะแม่ค้าหนึ่งคนหรือเฉพาะคนที่ได้รับของที่แมร์แจก แต่จะได้ในวงกว้างในแง่ของการ ที่เราจะได้มีกำลังใจในการลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ไม่ว่าวิกฤตอะไรในชีวิตมันจะเข้ามาก็ตาม”
นอกจาก แมร์มาเหมา แล้ว จะมี แมร์มามู ด้วย?
กาละแมร์ – “ใช่ค่ะ คือคนชอบถามแมร์เยอะมากว่าไปไหว้ที่ไหน ไหว้ยังไง เลยคิดว่าในเมื่อคนไทยกับวัฒนธรรมนี้ยังไงมันก็อยู่กันตลอด ไปไหนเจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรายกมือไหว้ แมร์ว่านี่เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวคนไทย และเป็นสิ่งที่เป็นกำลังใจให้เราได้สู้ฝ่าวิกฤตกันต่อไป เพราะฉะนั้นย่านมูและย่านเหมาจะอยู่ใกล้ๆ กัน ทำไปพร้อมกันในรายการเดียวกัน แมร์มาเหมาเสร็จก็มีแมร์มามู ให้เห็นถึงว่าแรงกายก็ใช้เต็มที่เต็มเหนี่ยว แต่แรงใจก็ไม่ละเว้นนะ คือช่วยทุกทาง”
วัตถุประสงค์รายการช่วยเหลือสังคม?
กาละแมร์ – “ยุคสมัยนี้มีแต่เรื่องหดหู่ เศร้า โกรธแค้น ตั้งใจทำรายการนี้เพื่อให้มาเป็นแรงกำลังใจทั้งคนทำมาหากิน คนทำงาน คนใช้ชีวิตอยู่ในวิกฤตโควิดเมื่อไหร่มันจะจบกันไปสักที แมร์เป็นคนหนึ่งที่เคยรอว่าเมื่อไหร่มันจะจบแล้วเราจะได้เริ่มสักที คนทั้งโลกตอบ ไม่ได้ ดังนั้นเรารอต่อไปไม่ได้แล้ว ลงมือทำเลยแล้วกัน ทำอะไรก็ได้ที่เราทำได้ ณ ตอนนี้ ทำไปเลยโดยไม่ต้องรอ เพราะไม่อย่างนั้นเราไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน”
คาดหวังกับกระแสตอบรับแค่ไหน?
กาละแมร์ – “แมร์อยากให้คนดูสนุก หนึ่งเป็นความสนุกสนาน สองให้กำลังใจพ่อค้าแม่ค้า เพราะของอร่อยของดีของเลิศของคนไทยมีอยู่เยอะจริงๆ บางคนจะเลิกทำกิจการแล้วด้วยซ้ำก่อนที่เราจะไป เขามีสูตรซาลาเปาอร่อยมาก เสียดายที่ร้านจะต้องปิด อย่างน้อยก็ได้ต่อลมหายใจเขาเฮือกหนึ่ง หรือแม้กระทั่งอาหารเราที่ไปให้เขาหนึ่งมื้อสำหรับบางคนมีประโยชน์มาก ดังนั้นรายการนี้จะทำให้คนดูแล้วชุบชูใจ มีกำลังใจ มีความสุขมากขึ้น มีไฟที่จะลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง”
มีวิธีการรีเสิร์ชที่จะไปแต่ละร้านยังไง?
กาละแมร์ – “หนึ่งเลยต้องเป็นร้านอร่อย มีสตอรี่นิดนึง หรือบางคนอาจจะเพิ่งเคยเปิดร้านด้วยซ้ำ เป็นคนทำงานประจำมาก่อน มีเรื่องราวว่าทำไมอยู่ดีๆ มาเปิดร้านยำนี้ เพื่อให้คนดูได้เห็นว่าโควิดเราโดนออกจากงาน เรายังมีหนทางไปต่อ สองในละแวกนั้นต้องมีสถานที่ที่ต้องไปมูไหว้สักนิดนึง เพื่อง่ายต่อการ ถ่ายทำเดินทางไม่ต้องข้ามไปข้ามมามาก หรือบางทีก็ยึดเอาที่ไหว้ไว้ก่อนแล้วไปตามหาร้านแถวนั้น”
ดูมีความสุขกับสิ่งที่ทำ ยิ้มทุกครั้งที่พูดถึง ความเป็นกาละแมร์กลับมาแล้ว ได้กลับมาหน้าจออีกครั้ง ที่ที่มีความสุข?
กาละแมร์ – “ใช่ ชอบมากที่จะไปถ่ายรายการนี้ มันสนุกที่เราได้ไปทำสิ่งเหล่านี้ ได้ไปเจอคนจริงๆ เอาใจช่วยเขาจริงๆ ดีใจไปกับเขาจริงๆ เวลาที่เขาทำสำเร็จแล้วเรายินดีที่จะเหมาเขา ได้เห็นแววตาสีหน้ารอยยิ้ม ในช่วงระยะเวลาไม่กี่นาที มันได้มีการสามัคคีรวมจิตรวมใจให้เขาทำให้สำเร็จ เพราะอย่างน้อยผลประโยชน์ร่วมกัน เขาสำเร็จ เราเหมา ทุกคนได้กินฟรี มันมีแต่ได้ กับได้ เราคนทำก็ได้ เจ้าของร้านพ่อค้าแม่ค้าก็ได้ คนมากินเขาก็ได้ คนดูก็ได้ ทำรายการนี้คุ้มค่ากับการที่ได้ลงพื้นที่ทำ”
ความสุขของเราคือการเป็นพิธีกร เพราะครั้งหนึ่งเราอยากจะเฟดออกไปทำธุรกิจ ยังไงถึงได้หวนกลับมาอีก?
กาละแมร์ – “เพราะแมร์คิดถึงคนดู ไปไหนคนก็ยังถามตลอด เมื่อไหร่จะกลับมา อยากเห็นในรายการทีวี แมร์รู้สึกว่าแมร์ได้มีพื้นที่สนุกของเรา เพราะการทำธุรกิจเป็นเรื่องจริงจัง ต้องประชุม ต้องตัดสินใจ เราขอมีพื้นที่หน่อย มีความสุขของเรา แล้วก็ได้ไปเจอคนอย่างที่เราอยากเจอที่เราสนุก ได้ช่วยเขาทำแล้วมีความสุข นอกเหนือจากว่าอีกพาร์ตหนึ่งของชีวิตที่เรามีเรื่องต้องรับผิดชอบ เราก็ได้ทำในส่วนนี้ที่เราสนุกของเรา”
ณ วันนี้ความสุขของเรา คืออะไร ชื่อเสียง เงิน ก็มีแล้ว ยังต้องการอะไรอีก?
กาละแมร์ – “เราอายุ 45 แล้ว พอวันเกิดอายุ 45 ก็มานั่งคิดกับตัวเอง เราชอบคุยกับตัวเอง คุณกาละแมร์ คุณอยากได้อะไรอีก คุณได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว ส่วนเรื่องผัวยกไว้นะ ไม่ได้ซีเรียส มีก็ขอให้ดี ถ้าไม่ดีก็ไม่อยากจะมี ที่ผ่านมาได้ทุกอย่างแล้ว ก็เลยคิดว่าชีวิตนับจากนี้เราจะใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ที่สุดเพื่อที่จะได้ ช่วยเหลือคนอื่นอย่างเต็มกำลังความสามารถ และแม้ว่าเราจะประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะได้ชื่อเสียง เงินทอง จะสำเร็จในหน้าที่การงาน หรือคุณจะได้อะไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่เราได้มามันจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นต่อไป”
“เพราะสำหรับเรามันเลยจุดที่อยากได้อะไรอีก ไม่ได้มีอะไรที่จะทำเพื่่อตอบสนองตัวเองอีก แต่ถ้าจะได้อะไรมาบางอย่าง เงินทองชื่อเสียงอะไรก็แล้วแต่หรืองานที่ประสบความสำเร็จ เพื่อที่เราจะได้ไปบอกเล่าให้คนอื่นฟังว่ามันมีคนทำได้จริงๆ นะ ถามว่ามันยากไหม ก็ยาก แต่ไม่ยากเกินความสามารถถ้าคุณตั้งใจทำ”
“ถ้าคนอย่างกาละแมร์ทำได้ คุณรู้จักกาละแมร์มา 20 กว่าปี หรือบางคนรู้จักเรามานานกว่านั้น มันก็คือเด็กตัวดำๆ คนนั้นแล้ววันนี้มันทำได้ ดังนั้นเราก็ต้องทำได้สิ เรื่องที่เขาเจอน้อยเหรอ ไม่น้อยนะ แต่มันก็ยังไม่ตาย ยังลุกขึ้นมาใหม่ แล้วมันก็ยังไปต่อได้”
“แมร์ว่าการมีชีวิตอยู่ต่อของคนคนหนึ่ง แล้วทำชีวิตให้สำเร็จ จะมีประโยชน์ต่อคนอื่นต่อไป แมร์เลยตั้งใจว่าหลังจากอายุ 45 เป็นต้นไปมันคุ้มค่าแล้ว เพราะฉะนั้นในส่วนตัวเราไม่ต้องการอะไรแล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่เราจะทำเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นให้สูงสุด”
ในส่วนกระแสข่าวยังต้องเตรียมรับมืออยู่ไหม หรือมันทำให้เรามีภูมิต้านทานมากขึ้นแล้ว?
กาละแมร์ – “เราก็ไม่รู้ต้องทำยังไง แมร์ว่าทุกอย่างเวลาจะเข้ามามันก็ต้องตั้งสติ แมร์ว่าเคสบายเคส ไม่สามารถจะตั้งไว้ก่อน ไม่รู้จะตั้งยังไงเหมือนกัน ตั้งอย่างเดียวคือตั้งสติค่ะ”
วีรนุช จันทำ