โหรดังผ่าดวงเมืองปี 65
เศรษฐกิจแร้นแค้น-ปฏิวัติซ้อน

สถานการณ์บ้านเมืองปี 2564 ที่ผ่านมา เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ทั้งปัญหาโรคระบาด ที่กระทบชิ่งถึงเศรษฐกิจ ด้านการเมือง รัฐบาลอยู่ในสภาพง่อนแง่นจากปัญหาภายใน ขณะที่กระแสต้านยังคงมีต่อเนื่อง

ก้าวเข้าสู่ปีเสือ 2565 โควิดยังพ่นพิษต่อหรือไม่ เรื่องเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ และการเมืองจะดีหรือร้าย มีคำทำนายจากนักโหราศาสตร์ชื่อดัง

วสุวัส คำหอมกุล
โหรชื่อดัง

ภาพรวมช่วงต้นปีเศรษฐกิจจะยังไม่ฟื้น ช่วงมกราคม-มีนาคม เป็นช่วงที่มีปัญหาเศรษฐกิจ โรคระบาด รวมถึงเรื่องการเมือง ความมั่นคงของรัฐบาล ยังคงเหมือนช่วงปลายปี 2564 ที่ยังไม่มีอะไรแน่นอน อยู่ในช่วงต้องแก้ไขรายวัน

เรื่องสุขภาพประชาชน มกราคมอาจมีโรคระบาดอีกรอบหนึ่ง และประมาณมีนาคม-เมษายน จะมีคนเจ็บป่วยจากโรค โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นแต่คงไม่ถึงขั้นล็อกดาวน์ แต่ต้องระวังเพราะอาจมีการระบาดอีกรอบ เพราะหลังมกราคมแล้ว จะมีช่วงรอยต่อมีนาคม-เมษายน อีกรอบ อาจส่งผลเสียเรื่องการท่องเที่ยว เพราะดวงเมืองหลังสงกรานต์มีราหูเข้ามาทับ

ขณะเดียวกัน มกราคม-เมษายน ราหูค้นทรัพย์ดวงเมือง ดาวพฤหัสฯ อยู่ในลาภะช่วยได้นิดหน่อย ปัญหาคือดาวเสาร์กับดาวอังคารอยู่ในมุมไม่ค่อยดี อาจมีอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งใหญ่ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ช่วงปีใหม่ยอดผู้เสียชีวิตอาจกลับมาเหมือนที่เคยเป็นก่อนล็อกดาวน์ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 อาจเด้งขึ้นเล็กน้อยหลังลดลงไปตอนตุลาคม 2564

เรื่องการเมือง ช่วงกุมภาพันธ์-มีนาคม จะมีปัญหาเรื่องเสถียรภาพ อาจมีการชุมนุมมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก หากสลายการชุมนุมรุนแรงจะถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต 1-2 ราย ทำให้รัฐบาลยิ่งเกิดความไม่มั่นคงขึ้นอีก ส่งผลให้อาจมียุบสภา มีเลือกตั้ง ช่วงกุมภาพันธ์-เมษายน

ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในปี 2565 ถ้าเป็นเรื่องเศรษฐกิจ กุมภาพันธ์-เมษายนจะเป็นช่วงที่รัฐบาลพิจารณาอะไรไม่รอบคอบ มีการทิ้งทวนและจะส่งผลกระทบต่อเนื่อง ต่อให้ดวงเมืองจะดีขึ้นในช่วงพฤษภาคม หรือมีรัฐบาลใหม่เข้ามาก็ยังไม่ดีขึ้น

เพราะการกระทำของรัฐบาลเก่า เช่น กู้เงิน ทำสัญญา หรือวางแผนงบประมาณ จะส่งผลยาวถึงปี 2567 ให้ระวัง คล้ายกรณีกฎหมาย 11 ฉบับยุครัฐบาลชวน ดังนั้นช่วงกุมภาพันธ์-เมษายน ต้องจับตาดู อาจเป็นเรื่องเศรษฐกิจและสังคมหรือกฎหมายที่ออกมาแล้วทำให้คนอึดอัด กระทบสวัสดิการหรือภาษี กว่าจะแก้ไขต้องรออีก 1-2 ปี

เศรษฐกิจไทยจะเริ่มผงกหัวได้ช่วงปลายปี 2565 หลังสิงหาคม กันยายน จะเริ่มฟื้นได้จากธุรกิจวงการบันเทิงที่จะเป็นตัวจุดชนวนก่อน หนังไทยอาจกลับมาทำเงินเหมือนยุคหนังไทยบูม ทำเงินได้ 100 ล้าน 200 ล้าน วงการบันเทิง โฆษณา อีเวนต์อาจกลับมาคึกคักอีกรอบ จะเป็นตัวกระตุ้นเสริมธุรกิจท่องเที่ยว รองลงมาจากวงการบันเทิงจะเป็นวงการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี แอพพลิเคชั่นใหม่ๆ จากต่างประเทศที่เข้ามาบูม หรืออาจมีกีฬาอีสปอร์ตที่ทำเงินได้

ปีหน้าจะมีคนรวยเกิดขึ้น 3 กลุ่ม 1.กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับการลงทุนเรื่องคริปโตเคอร์เรนซี หรือธุรกิจที่เป็นอีบิซิเนส 2. ธุรกิจสตาร์ตอัพ ที่มีบริการแปลกใหม่ มาจากต่างประเทศ 3. ธุรกิจบันเทิง บริษัทโปรดักชั่น มีดารากลุ่มใหม่ๆ เกิดขึ้น ผู้กำกับฯ กลุ่มใหม่ทำหนังมีรายได้เป็น 100 ล้าน

บ่อนการพนันเสรี หวยออนไลน์ เป็นธุรกิจที่มีแววรุ่ง สองอย่างนี้มาแน่เพราะราหูทับดวงเมือง ธุรกิจสีเทาที่ทำให้ถูกกฎหมาย เป็นผลจากรัฐบาลทิ้งทวนออกกฎหมาย ส่งผลให้บ่อนการพนัน หวยออนไลน์อาจได้เกิดช่วงมิถุนายน-กรกฎาคม บูมตอนสิงหาคม-กันยายน

อีกกลุ่มหนึ่งคือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้เช่าซื้อ เช่ารถยนต์ เช่าเสื้อผ้า เช่าบ้าน หรือให้เช่าทรัพย์สินที่สร้างภาพลักษณ์ดูดี รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น ท้าวเวสสุวรรณ ปีหน้าจะฮิต จตุคามรามเทพ คนจะกลับมาบูชากันอีก

ภัยธรรมชาติต้องระวังช่วงต้นปี-ครึ่งปีแรก คือ ภัยแล้ง ฝนไม่ตกตามฤดูกาล อากาศร้อนกว่าปกติ อีสานตอนบนและภาคใต้ตอนล่างจะมีปัญหามากที่สุด ครึ่งปีหลังภัยธรรมชาติจะเกิดจากพายุทั้งหมด เช่น ไต้ฝุ่นโซนร้อน จะเข้ามาเป็นพักๆ ไม่มาถี่แต่มาแล้วแรง พายุลูกใหญ่ๆ ทั้งนั้น เกิด น้ำท่วม กรุงเทพฯ ก็น่าจะโดน

สำหรับดวง ผู้นำรัฐบาลเริ่มตกมาตั้งแต่ตุลาคม 2564 เห็นผลเรื่องความแตกแยกของรัฐบาล พูดอะไรดีไม่ดีก็ถูกด่า ปี 2565 ตั้งแต่กุมภาพันธ์เป็นต้นไปจะเป็นจุดตกต่ำที่สุด มีแนวโน้มจะยุบสภาค่อนข้างสูงและยื้อไม่ได้แล้วต้องเปลี่ยน สัญญาณจะแรงหลังเมษายนเป็นต้นไป อาจมีการตั้งพรรคใหม่ เตรียมเลือกตั้ง ประกาศยุบสภา

ตามดวงจะได้กลับมาเป็นนายกฯอีกค่อนข้างยาก เพราะตอนนี้ดวงดาวส่งผลเสียค่อนข้างสูง ต่อให้เลือกตั้งชนะอาจ ไม่ถูกเสนอชื่อ อาจไม่ถึงขั้นเปลี่ยนขั้วการเมืองหลังเลือกตั้ง แต่อย่างไรก็ไม่ใช่ นายกฯคนเดิม เพราะดวงตกมากเกินไปและไม่ป๊อบปูลาร์

ภิญโญ พงศ์เจริญ
นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ

ภพที่สองราศีพฤษกเป็นดวงบ้านดวงเมือง เรื่องเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง การปฏิวัติเงินตรา ซึ่งราหูมาอยู่ตรงราศีพฤษกถึง 31 มีนาคม 2565 ก็ยังแสวงหารายได้ได้

แต่ราหูเป็นดาบพระเคราะห์ร้าย โคจรมาอยู่ในเรือนชะตาที่สองจะเรียกราหูค้นทรัพย์ ค้นเอาเงินที่มีอยู่ออกมาใช้จ่ายจนหมดคลัง ต้องไปกู้จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ เหตุการณ์ค้นทรัพย์จะมีถึง 31 มีนาคม

พระราหูไปตรงไหนจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างแรง เมื่อไปอยู่ภพสองในเรือนเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ทำให้เรื่องเศรษฐกิจของประเทศถูกกระทบกระเทือน เสียหาย มีปัญหาเกี่ยวกับการเงิน การค้า สถาบันการเงิน ธนาคารตกอยู่ในภาวะคับขัน เกิดความผันแปรทางด้านการเงิน ภาษีอากร

ขณะที่ภพแปด ราหูอยู่ในราศีพฤษกแต่เล็งราศีพิจิก แล้วเกิดอุปราคาในราศีพิจิกก็จะบังเกิดความอับโชคแก่ผู้ปกครอง รัฐบาล มีโรคระบาด ผู้คนล้มตายมาก บุคคลสำคัญบางคน หรือบุคคลชั้นสูงจะถึงแก่กรรม

และยังมีจันทรุปราคาคือจะเกิดความตายในหมู่ชนสามัญ หรือสตรีผู้มีชื่อเสียง สุขภาพอนามัยประชาชนเสื่อมโทรม มีโรคระบาด เจ็บไข้ เกิดอาชญากรรมร้ายแรง วงการเงินปั่นป่วน

หลัง 31 มีนาคม 2565 ไปจนถึง 17 ตุลาคม 2566 พระราหูจะจรมาทับลัคนาเมือง ทำให้เกิดความวุ่นวายกับรัฐบาล ผู้ปกครอง สุขภาพอนามัยประชาชนจะอ่อนแอ และประชาชนเกิดความ ไม่พอใจรัฐบาล คนส่วนใหญ่เดือดร้อนจนเกิดการชุมนุม หรือนัดหยุดงาน

อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ภายใต้ราศีเมษที่ราหูจรเข้ามาและสถิตอยู่ อีกทั้งมีการเกิดสุริยุปราคาถึง 4 ครั้งใน 1 ปี ดังนั้นห้วงเวลาที่เกิดสุริยุปราคาในช่วง 1 พฤษภาคม, 16 พฤษภาคม, 25 ตุลาคม และ 8 พฤศจิกายน จะส่งผลกระทบเรื่องการเมืองการปกครอง

นอกจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแล้วต้องระวังเรื่องภัยพิบัติที่รุนแรง โดยเฉพาะธรณีพิบัติ ภัยที่เกิดจากน้ำ แผ่นดินไหวและไฟ

ดาวมฤตยูตอนนี้อยู่ที่ราศีเมษยังทับลัคนาเมืองถึง 7 กรกฎาคม ส่งผลทำให้เกิดเภทภัย การเปลี่ยนแปลง ปฏิรูป เริ่มกิจการใหม่ แต่ถ้าเกิดสัมพันธ์ร้ายก็จะเกิดความยุ่งยาก มีการปฏิบัตินอกกฎหมาย นอกรูปแบบ มีความแตกแยก เกิดการขบถ เกิดความไม่พอใจในกฎหมาย และทำให้เกิดความอับโชคต่อรัฐบาลและวิถีทางของรัฐสภา อาจมีอาชญากรรมเกิดขึ้น

แต่ยังมีส่วนดีในดาวพฤหัสบดีที่โคจรตรงราศีกุมภ์จนถึง 8 เม.ย. อยู่ในภพราคะ ผู้ใหญ่จะให้คุณ เกิดความสำเร็จ เกิดรายได้ลาภผล ดาวพฤหัสบดีอยู่ตรงนี้คุ้มชะตาเมืองได้

แต่ไปราศีมีนตั้งแต่ 8 เมษายน 2565 จนถึง 19 เมษายน 2566 อยู่ในภพวินาศ ไม่คุ้มชะตาเมือง ห้วงเวลาดังกล่าวจึงล่อแหลมเกิดภัย เกิดการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง ต้องระวังช่วง 3 เดือน คือ กลางมีนาคม-กลางเมษายน, กลางสิงหาคม-กลางกันยายน, กลางตุลาคม-กลางพฤศจิกายน

ยังมีดาวดวงหนึ่งที่สำคัญมากในปี 2565 คือ ดาวเสาร์ ซึ่งกำลังโคจรอยู่ราศีมังกร เป็นภพที่สิบหมายถึงการบริหารราชการแผ่นดิน ดาวเสาร์อยู่เป็นเกษตรแสดงถึงความมั่นคง ปึกแผ่นแน่นหนา ซึ่งจะอยู่ในราศีมังกรถึง 1 มีนาคม 2566 แต่เป็นปัญหาว่าพระเสาร์จะไปเล็งดวงจันทร์ซึ่งอยู่ตรงราศีกรกฎ ถือเป็นดาวคู่พลัดพราก มักเกิดความทุกข์ยาก

ดวงจันทร์หมายถึงประชาชนทั่วไป จิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก เกี่ยวกับเรื่องการครองชีพ ความเป็นอยู่ของคน ประชาชนจะเน้นผู้มีความคิดเห็นขัดแย้งกับรัฐบาล หรือพรรคฝ่ายค้าน

ดาวเสาร์อยู่ตรงนี้แต่ดาวพฤหัสบดีหลบมุม หลัง 8 เมษายน ดาวพฤหัสบดีไม่คุ้มชะตาเมือง แล้วราหูทับลัคนาเมือง มฤตยูก็ทับลัคนาดวงเมือง ความรุนแรงการเปลี่ยนแปลงน่าจะเกิดช่วงกลางปี

ดวงผู้นำ พล.อ.ประยุทธ์ ลัคนาสถิตอยู่ตรงราศีมังกร ดาวเสาร์เป็นดาวประจำตัว ในดวงชะตากำเนิดเกิดวันเสาร์ พระเสาร์ไปเป็นมหาอุจจ์อยู่ภพสิบ ซึ่งมหาอุจจ์แปลว่า สูงส่ง ฉะนั้นดาวประจำตัวก็เด็ด ดูจากบุคลิก อุปนิสัยใจคอก็เป็นคนราศีมังกร

ประการสำคัญคือ ดาวเสาร์จร ราศีมังกรเป็นเกษตรคือ ความมั่นคง แต่ดาวเสาร์มาทับลัคนา ตามตำราไว้ว่าคนนั้นจะหม่นหมอง เสียทรัพย์และสิ่งของ ครุเหตุจะพึงมี ดังโปริสาท ราษฎรนั่นก็ขับหนี จากขัตติยาศรีศิริราชนคร

พระเสาร์อยู่ตรงนี้ก็มีความมั่นคงแต่จะมีปัญหาและมีพลังจากภายนอก ฉะนั้นการยุบสภาเป็นได้ หรือไม่ก็มีอำนาจจากภายนอกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้

บุศรินทร์ ปัทมาคม
นักโหราศาสตร์ คอลัมนิสต์ชื่อดัง

พื้นดวงเดิมของดวงเมือง เนื่องจากโหรสมัยโบราณมองดาวราหูเป็นดาวมัวเมา ลุ่มหลง จึงจัดดาวราหูไว้ในเรือนวินาศ ร่วมกับดาวพุธกับดาวศุกร์ จึงมีดาว 3 ดวง ที่ตกอยู่ในเรือนวินาศ ซึ่งเรือนวินาศแปลว่าเรือนดวงชะตาที่เสีย ดาวดวงไหนที่ตกอยู่ในเรือนที่เสียก็จะขึ้นมารังแกลัคนาของดวงเมืองที่อยู่ในราศีเมษ

เมื่อราหูมารังแกลัคนาดวงเมืองทุกปี และราหูเข้าเรือนกดุมภะก็จะกลายเป็นเรื่องเศรษฐกิจ หากินยาก โจรผู้ร้ายชุกชุม เงินพร่อง เงินในประเทศไม่พอใช้ต้องไปยืมเงินต่างชาติมาใช้ ทำให้ดวงเมืองอยู่ในฐานะดวงตก

อย่างปี 2540 ราหูอยู่ในราศีสิงห์ อันนั้นเรียกว่า เสียชื่อเพราะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจตก แต่เศรษฐกิจที่ตกจริงๆ เคยตกมาแล้วเมื่อปี 2490 เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ทรุดโทรมหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนนั้นเศรษฐกิจตกต่ำและมีราหูทับ ตามโหราศาสตร์ถ้าราหูทับเมื่อไรก็จะมีปฏิวัติ

จึงเป็นสถิติที่มีแนวโน้มน่าจะมีการปฏิวัติ หลังจากที่ดาวราหูจรเข้าทับลัคนาดวงเมือง หลังจากวันที่ 30 มีนาคม 2565 ราหูจะเข้าไปที่เดิมอีกเหมือนช่วงพฤศจิกายน 2490 อีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นแนวโน้มที่จะปฏิวัติ หรือปฏิวัติซ้อน

ในช่วงหลังจากวันที่ 30 มีนาคม ช่วงที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือในช่วง 18 กันยายน 2565 ถึง 16 ตุลาคม 2565 อีกช่วง 17 พฤศจิกายน 2565 ถึง 16 ธันวาคม 2565 เนื่องจากพฤหัสฯ ตกวินาศ ซึ่งจะกินเวลายาว 1 ปี เริ่มตั้งแต่ 8 เมษายน 2565 ทำให้เกิดการปฏิวัติได้

ตามดวงดาวปี 24565 ดวงเมืองจะได้อิทธิพลจากราหู พฤหัสฯ และอาทิตย์ ดังนั้นตั้งแต่ต้นปีถึง 30 มีนาคม 2565 ให้ระวังเรื่องเงินมากที่สุด ในระยะธันวาคม 2564 – มีนาคม 2565 เป็นช่วง 4 เดือนที่เรื่องเศรษฐกิจงวดที่สุดแล้ว

และหลังราหูทับลัคนาดวงเมืองจะตกอีก บังเอิญจังหวะชีวิตของดวงเมืองเข้าปีที่ 241 ปีพอดี ทำให้ดาวเสาร์เป็นกาลกิณีจร เข้าเรือนกัมมะของดวงเมือง ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ สินค้าขายไม่ออก ผลผลิตต่างๆ ไม่เป็นไปตามความประสงค์ของรัฐบาล และมีคนตกงานมากขึ้น โจรผู้ร้ายชุกชุม

เมื่อเศรษฐกิจตกกระทบทำให้ดวงเมืองเรื่องอื่นๆ ตกลงมาเรื่อยๆ โดยหลังจาก 30 มีนาคม ไปแล้วอย่างที่เตือนไว้ข้างต้น อีก 7 เดือนข้างหน้าให้ระวังอุบัติเหตุทางการเมืองมากที่สุด อาจจะมีการเปลี่ยนรัฐบาล

เรื่องภัยพิบัติธรรมชาติมีโอกาสเกิดน้ำท่วมได้เพราะดาวพฤหัสฯ จรเข้าราศีธาตุน้ำ มีโอกาสน้ำท่วม แต่ที่น่าห่วงกว่าในปี 2565 คือเรื่องเศรษฐกิจ สินค้าขายไม่ออก นายทุนก็ลำบาก และพวกขายที่ดิน บ้านจัดสรรทั้งหลายจะขายไม่ได้ ปัญหาใหญ่คือคนตกงานมาก จนปัญหาตีชิงวิ่งราวกลายเป็นเรื่องธรรมดา

รวมถึงจะมีคนใหญ่คนโต บุคคลสำคัญเสียชีวิต หรือพระปาราชิก ซึ่งเป็นช่วงในช่วงวันที่ 8 เมษายน 2565 – 19 เมษายน 2566 สำหรับเรื่องโรคระบาด ไม่มีสถิติที่แน่นอนเหมือนการเมือง แต่เชื่อว่าโรคระบาดเกิดจากราหูที่มาเข้าเรือนกดุมภะ ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้นหลัง 30 มีนาคม 2565 ไปแล้ว ผลกระทบจากโรคระบาดจะเริ่มเบาลง

สำหรับดวงผู้นำรัฐบาลจะแย่กว่าเดิมเพราะถูกดูถูก ประชาชนเหยียดหยามว่าปกครองแล้วบ้านเมืองยากจน และไม่สามารถรักษาความเคารพนับถือของประชาชนไว้ได้ เนื่องจากเศรษฐกิจตก ประชาชนยากจน ไม่ให้การยอมรับ เพราะฉะนั้นรัฐบาลน่าจะอยู่ลำบาก