การปะทะของวัฒนธรรม 2 ฝั่งโลก : ขุดประวัติศาสตร์ "ลองบอร์ด" ผู้ได้ชื่อว่าตำนานแห่งฮาวาย

Home » การปะทะของวัฒนธรรม 2 ฝั่งโลก : ขุดประวัติศาสตร์ "ลองบอร์ด" ผู้ได้ชื่อว่าตำนานแห่งฮาวาย
การปะทะของวัฒนธรรม 2 ฝั่งโลก : ขุดประวัติศาสตร์ "ลองบอร์ด" ผู้ได้ชื่อว่าตำนานแห่งฮาวาย

ลองบอร์ด คืออะไร ? เชื่อว่าทุกวันนี้หลายคนคงเคยได้เห็นและพอได้รู้วิธีการและความแตกต่างของมันกับอุปกรณ์ตระกูลบอร์ดอื่น ๆ มาไม่มากก็น้อย

อย่างไรก็ตามจุดกำเนิดของมันต่างหาก ที่เป็นแก่นสำคัญของวัฒนธรรมของวัยรุ่นที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้

บนเกาะที่ห่างไกล เทพเจ้าแห่งท้องทะเล สงครามโลกครั้งที่ 2 และความเฟี้ยวที่ข้ามฝั่งโลก … ติดตามตำนานของ ลองบอร์ด ได้ที่นี่

ที่สุดของความสุขแห่งฮาวาย 

ก่อน โทนี่ ฮอว์ก จะเล่นท่า 360 องศา จนสามารถทำให้สเก็ตบอร์ดกลายเป็นของฮิตของวัยรุ่นทั้งโลก … นานแสนนานมีเรื่องราวของ “บอร์ด” ประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นมาก่อนในอีกซีกโลก และเป็นหนึ่งในพื้นที่ของสหรัฐอเมริกา นั่นคือ “รัฐฮาวาย” 

หมู่เกาะแห่งนี้เป็นต้นกำเนิดของสิ่งที่เรียกว่า “กระดานโต้คลื่น” สถานที่แห่งนี้สวยงาม และมีคลื่นลูกใหญ่มากพอ ที่จะทำให้นักเซิร์ฟบอร์ดจากทั่วทุกมุมโลกมารวมตัวกัน ภาพที่ชาวบ้านแถวนั้นเห็นประจำ คือ กลุ่มนักเซิร์ฟบอร์ด จะไปคร่อมกระดานโต้คลื่น รอจังหวะที่คลื่นลูกใหญ่จะพัดมา จากนั้นพวกเขาก็เริ่มทำในสิ่งที่กลายเป็นวัฒนธรรม ที่สามารถส่งต่อไปได้ทั่วโลก นั่นคือ “การโต้คลื่น” นั่นเอง 

แรกเริ่ม เซิร์ฟบอร์ด ไม่ได้เป็นกีฬาแต่เป็นประเพณีของชาวพื้นเมืองของเกาะฮาวายและเกาะตาฮิติ มีการพบแผ่นไม้เนื้อแข็งที่ทำจากไม้ “โคอา” ในพิพิธภัณฑ์ บิชอฟ โฮโนลูลู บนเกาะฮาวาย ซึ่งปรากฏตั้งแต่ในศตวรรษที่ 15 แล้ว ว่ากันว่าชาวท้องถิ่นจะออกไปเผชิญกับคลื่นด้วยกระดานเพียงแผ่นเดียว  จากนั้นก็เกิดสถานที่สำหรับการโต้คลื่นด้วยกระดานบนเกาะอีกมากมาย โดยวัตถุประสงค์ คือ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บูชาให้กับท้องทะเล เพื่อแสดงความเคารพ 

ตำนานอีกบทที่ยืนยันว่าโลกได้รู้จักกับ เซิร์ฟบอร์ด ที่ฮาวาย คือเมื่อครั้ง ค.ศ. 1777 กัปตันเรือจากอังกฤษที่ชื่อว่า เจมส์ คุก (James Cook) ได้เห็นชาวเมืองท้องถิ่นเหยียบแผ่นกระดาน และโต้กับเกลียวคลื่น พร้อมปะทะสายลม ก่อนที่เขาจะเขียนบรรยายบทดังกล่าวไว้ในหนังสือ A Voyage to the Pacific ว่า  “ชายคนนั้นแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกถึงความสุขขั้นสุดยอด เขาห้อตะบึงเข้าไปในเกลียวคลื่น และไหลไปกับกระแสของคลื่นได้อย่างเนียนตาที่สุด” 

 

ไม่มีใครไม่ชอบความสุข จากที่เคยเล่นเพื่อสักการะบูชา เซิร์ฟบอร์ด เริ่มกลายมาเป็นอุปกรณ์เพื่อความสนุกมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีคนนอกได้มาลองเล่นดูแล้ว หลายคนต่างรู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่สุดยอดแค่ไหน สำหรับการเป็นหนึ่งเดียวกับเกลียวคลื่น   

อย่างไรก็ตามสภาพความเป็นเกาะของฮาวายนั้นทำให้สภาพอากาศค่อนข้างจะแปรปรวน บางวันคลื่นลมจะแรงเร้าใจถูกใจนักเซิร์ฟ แต่บางวันคลื่มลมก็จะแสนสงบ และลมก็แทบไม่กระดิก จนเล่นเซิร์ฟไม่ได้ดั่งใจ สำหรับชาวโฮโนลูลู (Honolulu) หรือชาวฮาวายท้องถิ่น นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเดิมทีต้นกำเนิดของ “เซิร์ฟบอร์ด” ที่แท้จริง ก็เป็นเช่นนี้มาเสมอ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะบันดาลคลื่นลมในแต่ละวัน ถ้าวันนี้เล่นไม่ได้ พวกเขาก็แค่พูดกันว่า “apōpō” หรือ “พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” เท่านั้นเอง 

กาลเวลาผ่านไปนานมากพอที่จะทำให้ยุคสมัยใหม่เข้ามา เกาะฮาวาย ไม่ได้มีแค่ชาว โฮโนลูลู แต่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเดินทางเข้ามามากมาย ดังนั้นจึงการเป็นการมาพบกันของสองขั้ววัฒนธรรม หรือที่เรียกกันว่า “การเกิดวัฒนธรรมร่วม” ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นหลาย ๆ อย่าง และ “ลองบอร์ด” ก็ถือว่ามีจุดกำเนิดจากตรงนั้นด้วย

การผสมผสานของวัฒนธรรม 

จุดเปลี่ยนที่แท้จริงที่นำเอาวัฒนธรรมตะวันตก มาชนกับวัฒนธรรมของฮาวาย คือ กลุ่มมิชชันนารี … มิชชันนารีที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในฮาวายมีจุดประสงค์เช่นเดียวกันกับกลุ่มที่เดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ คือต้องการนำวิทยาการความรู้ใหม่ ๆ ไปเผยแพร่เป็นสื่อ เพื่อแทรกซึมศาสนาคริสต์เข้าไปในจิตใจของชาวพื้นเมือง จากนั้นวัฒนธรรมต่าง ๆ ก็เริ่มเข้ามาเจอกันตรงกลาง  

 

ประวัติศาสตร์ยุคสมัยใหม่ที่แท้จริงของเกาะฮาวาย นั้นคงต้องบอกว่าเริ่มขึ้นจากการเป็นจุดยุทธศาสตร์หนึ่งในสงครามโลกครั้งที่สอง ที่กองทัพอเมริกามาใช้งาน และต่อมาใน ค.ศ. 1959 มีการลงประชามติ เห็นพ้องต้องการเป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐอเมริกา สภาคองเกรสเห็นชอบด้วย เพราะเป็นฐานทัพเรือสำคัญในแปซิฟิค อีกทั้งมีพืชเศรษฐกิจ คือ อ้อย ซึ่งผลิตน้ำตาลในอัตราสูง จึงอนุมัติประกาศเป็นรัฐที่ 50 ของสหรัฐอเมริกา 

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงนักท่องเที่ยวก็เริ่มมา และแน่นอนว่า เมื่อนักท่องเที่ยวมาถึง หลายคนมาเพื่อตามรอยประวัติศาสตร์วงการเซิร์ฟบอร์ด สถานที่ที่ทำให้มนุษย์เป็น 1 เดียวกับเกลียวคลื่น ดังนั้นเมื่อมาถึงแล้วพวกเขา “ต้องได้เล่น” ว่าง่าย ๆ คือสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาถึงที่นี่ โดยมีการบุ๊ควันเข้าพักและวันกลับที่แน่นอนแล้ว พวกเขาจะไม่ทนรอ หากว่าบางวันท้องทะเลไม่เป็นใจ apōpō อาจจะใช้ไม่ได้ในกรณีนี้ ดังนั้นต้องมีบางอย่างเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ได้ ซึ่งนั่นแหละที่ทำให้ “ลองบอร์ด” ถือกำเนิดขึ้นมา

นักเล่นเซิร์ฟและนักท่องเที่ยวหลายคนไม่อาจจะรอให้คลื่นลมสงบ หรือมีคลื่นสวย ๆ ได้ เนื่องจากพวกเขามีเวลาในการเดินทางกลับเอาไว้แล้ว และในเมื่อมาทั้งทีก็ต้องหาทางเล่นเซิร์ฟให้ได้ ดังนั้นจึงเริ่มมีการปรับแต่งด้วยการเอา สเก็ตบอร์ด ที่ถือเป็นของใหม่ในยุคนั้น มาเปลี่ยนบอร์ดใหม่ ให้ยาวขึ้น มีลักษณะคล้ายกับแผ่นกระดานของ เซิร์ฟบอร์ด นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนล้อให้ใหญ่ขึ้นด้วย เพื่อเลียนแบบการเคลื่อนที่ของคลื่นและการทรงตัวคล้าย ๆ กับที่ใช้ในเซิร์ฟบอร์ด  

 

แรกเริ่มเดิมทีพวกเขาตั้งชื่อเจ้าอุปกรณ์นี้ว่า “Sidewalk Surfing” หรือ “การโต้คลื่นบนถนน” พวกเขาใช้เจ้าสิ่งนี้ไถไปตามที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะบนท้องถนน การลื่นไถลลงจากเนิน เรียกได้ว่าเป็นเหมือนยานพาหนะชิ้นหนึ่งในฮาวายเลยก็ว่าได้  

ไม่นานนัก Sidewalk Surfing ที่เป็นลมหายใจแห่งฮาวาย ก็โดดเด่นโดนใจวัยรุ่นฝั่งอเมริกาแผ่นดินใหญ่จนได้ นักโต้คลื่นจากแคลิฟอร์เนีย ที่ชื่อว่า ทอม ซิมส์ ได้มาที่ฮาวายและนำมันกลับไปยังแคลิฟอร์เนีย ดินแดนแห่งสเก็ตบอร์ด และแสดงให้เห็นความมันอีกแบบของ Sidewalk Surfing ที่สเก็ตทำได้ เขานำมันขึ้นไปบนยอดเขาและไถลงมาตามถนนจนถึงตีนเขา ด้วยความเร็วและท่วงท่าที่สวยงาม หลังจากนั้น มันก็เริ่มถูกวัยรุ่นแคลิฟอร์เนีย พูดถึงเป็นวงกว้าง และได้ชื่อใหม่ว่า “ลองบอร์ด” ซึ่งมาจากลักษณะของแผ่นกระดานนั่นเอง

วัฒนธรรมจากฮาวาย ที่ได้รับอิทธิพลจากยุโรป ได้วิ่งเข้าชนกระแสนิยมของวัยรุ่นแคลิฟอร์เนียเข้าเต็มเปา และการที่มันเกิดความนิยมนั้นก็ทำให้เกิดการปรับแต่งส่วนต่าง ๆให้ ลองบอร์ด กลายเป็นอุปกรณ์ที่ดี และปลอดภัยกับผู้เล่นมากขึ้น ในปี 1972 แฟรงค์ แนสวอร์ธี ได้เปิดตัวล้อแบบใหม่ของลองบอร์ดที่ทำมาจากยูรีเทน ซึ่งทำให้มันหมุนได้เร็วขึ้น ใช้ความเร็วได้มากขึ้น และช่วยให้ผู้เล่นสามารถหมุนตัวได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย 

แม้กระแสของ ลองบอร์ด จะโด่งดังไม่เท่ากับ สเก็ตบอร์ด ในช่วงยุคกลาง 70s ทว่าการนำพาวัฒนธรรมครั้งนี้ก็ยิ่งใหญ่มากพอที่จะทำให้สามารถใช้คำว่า “ใครก็รู้จัก” ลองบอร์ดได้ ซึ่งกระแสที่เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ของ ลองบอร์ด นั้นมาพบกับแรงกระเพื่อมอีกครั้งในช่วงยุค 90s เรื่องราวไม่ต่างจากต้นกำเนิดของมันมากนัก แค่เปลี่ยนจากนักเซิร์ฟบอร์ดที่ต้องการเล่นเซิร์ฟในวันที่ไม่มีคลื่น เปลี่ยนเป็นนักเล่นสโนว์บอร์ด ที่อยากเล่นสโนว์บอร์ดในวันที่ไม่มีหิมะนั่นเอง

 

ลองบอร์ด กลายเป็นเหมือนตัวแทนของสายลุยธรรมชาติ ไม่ว่าจะแบบหิมะหรือเกลียวคลื่น เมื่อพวกเขาไม่สามารถเล่นและคาดเดาธรรมชาติได้ ลองบอร์ด จึงเป็นทางออกที่ยอดเยี่ยมเพอร์เฟ็กต์ เพราะ ลองบอร์ด โดนนำไปต่อยอดในรูปแบบต่าง ๆ อีกมากมาย และกลายเป็นวัฒนธรรมที่โดดเด่นเฉพาะตัวขึ้นมาอย่างงดงาม

การระเบิดของวัฒนธรรม 

หากลองบอร์ด ที่ฮาวาย เกิดขึ้นจากการผสมของวัฒนธรรมสองฝั่งโลกระหว่างยุโรปและฮาวาย ลองบอร์ด ที่แคลิฟอร์เนีย ก็คงเป็นเหมือนการระเบิดตัวของวัฒนธรรมครั้งใหญ่ เพราะจากที่เคยเป็น “การโต้คลื่นบนถนน” ก็ถูกปรับเปลี่ยนให้เกิดวิธีการเล่นแปลก ๆ ใหม่ ๆ มากมาย

 

Cruising and Carving คือสไตล์การเล่นลองบอร์ด ตามแบบฉบับต้นกำเนิดของมัน ใช้แทนยานพาหนะไถไปตามถนนหนทางต่าง ๆ, Slalom Longboarding คือการเล่นในแบบที่เน้นการบังคับหลบหลีก หากเปรียบให้เห็นภาพก็คงเหมือนกับการตั้งกรวย และไถลองบอร์ด เพื่อหลบ, หลีก และเลี้ยวหนี เหมือนกับที่เซิร์ฟสเก็ต กำลังได้รับความนิยมในทุกวันนี้

นอกจากนี้ยังมี Longboard Dancing มันไม่ใช่การเต้นรำบนลองบอร์ดแต่อย่างใด แต่มันคือการเปรียบเทียบการเล่นท่าต่าง ๆ เช่นหมุนตัว สลับขา และกระโดด ด้วยท่วงท่าที่นุ่มนวล ดูสวยงามราวกับเต้นรำ ซึ่งก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เพราะถือเป็นวิธีการเล่นที่ฮิตสุด ๆ หลังเข้าสู่ยุค 2000s เป็นต้นมา 

สำหรับ Longboard Dancing นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในประเภทที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะต่อให้ล้ม ต่อให้พลาด โอกาสบาดเจ็บก็ยังน้อยกว่า ลองบอร์ดแบบดาวน์ฮิลล์ นั่นจึงทำให้ Longboard Dancing สามารถเข้าถึงเด็กและผู้หญิงได้ดีมากกว่า อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่ามันง่ายกว่าเสมอไป เพราะการฝึกบาลานซ์,สมดุลร่างกาย และจินตนาการในการคิดท่าทางประกอบเพลง ซึ่งจุดนี้ถูกจริตผู้หญิงได้แบบเต็มๆ  

นอกจากความปลอดภัย ท่วงท่ายังสวยงาม และความสนุกสนานในการเล่นลองบอร์ดประกอบจังหวะแล้ว Longboard Dancing ยังคงสะดวกกว่าเพราะหาพื้นที่เล่นได้ง่ายมากกว่าลองบอร์ดชนิดอื่นที่ต้องไปหาเนินสูงๆ หรือภูเขาสักลูกเพื่อเตรียมการ แต่ Longboard Dancing ของเพียงลานกว้าง เท่านั้นก็เพียงพอต่อการฝึกฝนแล้ว 

การเล่นแบบ Longboard Dancing ได้รับความนิยมอย่างมากหลังปี 2000 โดยเฉพาะกลุ่มนัก Longboard Dancing ที่เป็นผู้หญิงนั้นถือว่ามีหลายกลุ่มและมีหลายคนที่มีชื่อเสียง กระแสนี้ดังถึงขนาดที่่ว่าแบรนด์กีฬาชื่อดัง ยังต้องเพิ่มงบประมาณสำหรับการทำภาพยนตร์สั้นเรื่อง “The Girls of Guanabara” ซึ่งในเรื่องนี้มีความยาวแต่ 6 นาที แต่จะเป็นการเล่าถึงจุดเริ่มต้นของกลุ่มนักลองบอร์ดแดนซิ่งหญิง ที่กลายเป็นไอค่อนของวงการ นอกจากนี้จะยังถ่ายทอดอีกหลายสิ่งให้ผู้คนได้สัมผัส ทั้งด้านจิตวิญญาณ, สีสัน, ความสง่า และความรื่นเริงของกีฬาชนิดนี้ที่เข้ากับเสียงเพลงได้เป็นอย่างดี และหนังเรื่องนี้ก็ยังไปถ่ายกันที่ บราซิล ดินแดนอันแสนฉูดฉาดอีกด้วย 

นอกจากนี้ยังมีการต่อยอดกันจนถึงขั้นเปิดโรงเรียนสอนทั้งในสหราชอาณาจักร และ ริโอ เดอ จาเนโร อีกด้วย สิ่งที่ยืนยันถึงความนิยมได้อีกอย่างคือ ทุกวันนี้การแข่งขัน Longboard Dancing ยังคงมีการแข่งขันกันในระดับโลกอีกด้วย

โดยงานดังกล่าวชื่อว่า “So You Can Longboard Dance?” ได้แรงบันดาลใจมาจากรายการแข่งเต้นระดับฮอลลีวูดที่ชื่อว่า “So You Think You Can Dance?” นั่นเอง ซึ่งในแง่ของความนิยมของ So You Can Longboard Dance? หรือการแข่ง Longboard Dancing นั้นก็ได้รับการตอบรับอย่างดีนับตั้งแต่จัดแข่งขันกันครั้งแรก โดยพวกเขายังคงจัดแข่งขันกันที่เมืองไอนด์โฮเฟ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ มาตั้งแต่ปี 2013 ซึ่ง ลอฟตี ลามาลี หนุ่มชาวฝรั่งเศสคว้าแชมป์เป็นคนแรก จนถึงทุกวันนี้

และอย่างสุดท้ายที่ส่งผลกับวงการลองบอร์ดมากที่สุดคือ Downhill Longboarding หรือการใช้ลองบอร์ดไถลงเขา ซึ่งต้องใช้ทักษะการควบคุมสูงมาก เพราะความเร็วที่ลงจากเขานั้นไม่ธรรมดา และยังต้องหลบหลีกทางขรุขระอีกด้วย ซึ่งการเล่นลองบอร์ดแบบ “ดาวน์ฮิลล์” ได้รับความนิยมอย่างมาก จนมีรายการแข่งขันระดับนานาชาติเกิดขึ้นหลายประเทศ

เหนือสิ่งอื่นใดคือ ลองบอร์ด แบบ ดาวน์ฮิลล์ เกิดสุด ๆ เมื่อมันถูกใช้เป็นหนึ่งในอุปกรณ์หลักของภาพยนตร์ระดับฮอลลีวู้ดที่ได้รับคำชมในแง่ของความสวยงามอย่าง “The Secret Life of Walter Mitty” ที่ตัวพระเอก วอลเตอร์ มิตตี นำแสดงโดย เบน สติลเลอร์ ใช้เจ้า ลองบอร์ด เดินทางหาความหมายในชีวิต และมีการไถลองบอร์ดเพื่อหนีจากเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิด 

ในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว คือการยืนยันชัดเจนว่า ลองบอร์ด นั้นเหมาะสมกับการใช้งานได้หลายแบบ โดยเฉพาะการไถไปตามเส้นทางที่สองข้างทางเต็มไปด้วยธรรมชาติ และท้าความเร็วจากทางลงของภูเขา และสิ่งสำคัญคือภาพยนตร์เรื่อง The Secret Life of Walter Mitty นั้นถ่ายทอดแต่ละช็อตออกมาได้สวยและสมบูรณ์แบบมาก ๆ ไม่ว่าจะในด้านภาพและเสียง ซึ่งต้องบอกว่าหลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ออกสู่สายตาชาวโลก กระแสของลองบอร์ด ก็ดังระเบิดขึ้นมาครั้งใหญ่ และเชื่อเหลือเกินว่าทุกวันนี้ก็ยังมีใครอีกหลายคนที่เริ่มไถลองบอร์ด เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอน 

ความแตกต่าง, การเล่นได้หลากหลายวิธี และการเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมร่วมสมัย ทำให้ ลองบอร์ด ยังคงไม่สูญหายไป กระแสของมันยังคงอยู่ และยังมีผู้คนอีกมากที่ชื่นชอบและหลงรักในความแตกต่างของมัน

และถ้าหากคุณอยากจะรู้ว่าลองบอร์ด นั้นเจ๋งแค่ไหน หรืออยากรู้ว่าความนิยมที่เรากล่าวถึงมาทั้งหมดไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เราอยากให้คุณได้มาเห็นด้วยตาตัวเองภายในงาน le coq sportif Longboard Dance Thailand 2021 ในวันที่ 22-23 พฤษภาคม 2564 ณ Parc Paragon คุณจะรู้จักกับ ลองบอร์ด ผู้ระเบิดความแตกต่างด้วยตาของตัวเอง 

ภายในงานจะได้พบกับ อินฟลูเอนเซอร์สายนี้โดยเฉพาะ ทั้ง ศิตาธรรม์ เศรษฐวรพัฒน์ (ศิตา) และศภัฑรกร เศรษฐวรพัฒน์ (โค้ช) Professional Longboarder มืออาชีพ ที่นอกจากจะมาโชว์ความสวยงามของการเคลื่อนไหวของ ลองบอร์ด แล้ว คุณจะได้ลองฝึกทักษะ และเหยียบเจ้าสิ่งนี้ด้วยตัวเอง ภายใต้กิจกรรมจัดสอน Longboard Dance Basic Camp

นี่คือมหกรรมที่ชู “ลองบอร์ด” เป็นพระเอกครั้งแรกในประเทศไทย … ไม่ว่าคุณจะเป็นหน้าเก่าที่หลงใหลในสิ่งนี้ หรือเป็นหน้าใหม่ที่อยากลองมีประสบการณ์ด้วยตัวเอง อย่าพลาดงาน le coq sportif Longboard Dance Thailand 2021 เพราะเราเชื่อว่าทุกตำนานที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ จะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อคุณมาดูให้เห็นกับตา และมาสัมผัสด้วยความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ