กานต์ ชนนิกานต์ นางสาวไทย 2566 – แอ้ม สุพรรษา วัฒนานุสิทธิ์ รองอันดับ 4 เยี่ยมขอบคุณข่าวสด ตอบปมอาจไม่ได้ไปมิสเวิล์ด เผยกำลังถ่ายละครช่อง 3 อยู่

สาวงามชาวเหนือ กานต์ ชนนิกานต์ สุพิทยาพร คว้ามงฯ นางสาวไทยประจำปี 2566 ท่ามกลางเสียงชื่นชมในความสวย เก่ง ฉลาด จากแฟนๆ นางงาม ล่าสุดเดินทางเข้าเยี่ยมขอบคุณกองบรรณาธิการข่าวสดในการนำเสนอข่าวการประกวด พร้อม แอ้ม สุพรรษา วัฒนานุสิทธิ์ รองอันดับ 4 นางสาวไทยประจำปี 2566 ที่อาคารข่าวสด วันที่ 23 มี.ค.

กานต์ ชนนิกานต์ เปิดใจอีกครั้งว่า “ตอนนี้เปลี่ยนจากความตื่นเต้นที่ได้รับมงกุฎเป็นความภูมิใจแล้วค่ะ ตอนแรกรู้สึกเหมือนเป็นความฝัน พอได้ใช้เวลากับมัน ทุกๆ คนมาแสดงความยินดีจึงกลายเป็นความภูมิใจของเรา การเป็นนางสาวไทยเป็นความฝันที่เอื้อมไม่ถึงของเราในตอนแรก เพราะกานต์ไม่สวย ทำให้เราต้องพัฒนาตัวเองในด้านอื่นๆ พอเราได้ทำกิจกรรมมากขึ้น บุคลิกภาพเราก็ดีมากขึ้น เราก็ดูสวยขึ้นได้ เหตุผลที่เราทำกิจกรรมเยอะ เพราะกานต์เป็นลูกสาวคนเดียว เราอยากเป็นหัวหน้าครอบครัว อยากเข้มแข็งดูแลครอบครัวให้ได้ จึงทำกิจกรรมทุกอย่าง ทั้งกิจกรรมวิชาการ การสอบเข้าเภสัชฯ เป็นประธานรุ่น ประธานเชียร์ เป็นวิทยากร และรู้สึกว่าเราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ จึงนำมาสู่การสมัครเป็นนายกโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทุกสิ่งหล่อหลอมให้เราเป็นเราทุกวันนี้”

ก่อนกล่าวต่อว่ารู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนเด็กที่อยู่ในสนามเด็กเล่น จึงไม่จำกัดตัวเองในการทำทุกอย่าง ถ้าผิดพลาดเราก็แค่แก้ไข ไม่ปิดโอกาสตัวเอง การเป็นนางงามก็เช่นกัน กานต์ประกวดมาหลายเวที เราทำการบ้านว่าแต่ละเวทีต้องการอะไร กานต์เข้ามาในวงการตอนอายุมากแล้ว คือ 21 ปี ถือว่าอายุมากในเวทีนางงาม เพราะก่อนหน้านี้กานต์เรียนเภสัชฯ เรียนหนักมาก เมื่อเรียนจบปุ๊บ เราจึงเต็มที่กับตรงนี้ได้ กานต์เรียนจบแล้วเหลือเพียงรอรับปริญญาและสอบใบประกอบวิชาชีพ

“จากที่เราเรียนมาอย่างหนักหน่วง กานต์อยากทำงานค่ะ ขณะนี้กำลังถ่ายทำละครอยู่ เรื่องดวงใจเทวพรหม ทางช่อง 3 รอลุ้นกันนะคะว่า กานต์จะรับบทอะไร ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เป็นละครที่ถ่ายทำมาตั้งแต่ก่อนเข้าเวทีประกวด และอยากปฏิบัติหน้าที่นางสาวไทยให้เต็มที่ อยากทำโครงการ ‘Underprivileged to precious ด้อยโอกาสสู่ได้โอกาส’ ที่กานต์ทำร่วมกับน้องๆ โรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร จ.เชียงใหม่ ตอนนี้อยากขยายโครงการไปทั่วประเทศด้วยค่ะ จุดเริ่มต้นของการเรียนภาษามือของเราเริ่มจากที่เราทำกิจกรรมเยอะมาก เมื่อเราทำกิจกรรมกับกลุ่มน้องๆ ผู้ด้อยโอกาส กานต์รู้สึกว่าเราเข้าไม่ถึงเขา เราไม่สามารถเข้าใจเขาได้ทั้งหมด จึงเริ่มเรียนภาษามือเพื่อจะเข้าใจเขาได้มากขึ้น เรียนทั้งภาษามือ อักษรเบรลล์ และเรียนภาษาที่ 3 คือภาษาเกาหลีด้วย” นางสาวไทยประจำปี 2566 กล่าว

กานต์เผยด้วยว่าเคยให้สัมภาษณ์ไปว่ามีสิ่งที่น้องๆ ฝากเรามาด้วย จริงๆ น้องๆ ฝากเราสนับสนุนหลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่กานต์จะเอาออกมาเร็วๆ นี้ คืออยากนำเสื้อเพนต์ภาพของน้องๆ ผู้ด้อยโอกาสมาเปิดประมูล น้องๆ เหล่านี้เป็นตัวอย่างของผู้ที่ไม่มีขีดจำกัดในความสามารถของตัวเอง เพราะน้องๆ สามารถทำหลายๆ อย่างที่เป็นความฝันของตัวเอง อยากให้ทุกคนเปิดใจกับพวกเขามากขึ้น

กานต์ ชนนิกานต์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่าอาจไม่ได้ไปประกวดมิสเวิล์ดตามที่กองประกวดวางไว้ตอนแรกว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้รับคำตอบเช่นกัน แต่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ยกให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่คุยกัน เราทำได้เพียงยอมรับ เคารพการตัดสินใจของผู้ใหญ่ การมาประกวดนางสาวไทยครั้งนี้หน้าที่สูงสุดคือนางสาวไทย ส่วนมิสเวิล์ดเป็นผลพลอยได้ ที่จะได้พัฒนาความสามารถของตัวเอง ถ้าได้ไปก็ดี ถ้าไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไร จะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ตั้งใจจะไปประกวดอยู่แล้ว แต่การพัฒนาตนเองเป็นเรื่องที่ทำได้ตลอด ทั้งการฝึกภาษา ฝึกพูด ฝึกเดิน ทำโครงการของเรา ถึงจะไม่ได้ไปก็สามารถพัฒนาเรื่องเหล่านี้ได้อยู่แล้ว ถ้าถามว่าลึกๆ เสียดายไหม ก็คงเสียดายค่ะ แต่เราต้องจัดการความคิดและอารมณ์ของเรากับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

“ไม่เป็นไรนะคะ ถ้าสมมติว่าไม่ได้ไป แล้วเราอยากไปจริงๆ ก็อาจจะประกวดอีกครั้งเพื่อให้ได้ไป กานต์เชื่อว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่สิ่งที่ดีเสมอ วันนี้ไม่มีโอกาส วันหน้าอาจจะมีโอกาส ต่อจากนี้จะเป็นทูตวัฒนธรรมให้ประเทศไทยซึ่งไม่ได้มีเพียงจังหวัดเชียงใหม่ ยังมีอีกหลายจังหวัด เมืองไทยเรามี 5 F ทั้ง Food อาหาร , Film ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ , Fashion การออกแบบแฟชั่นไทย , Fighting ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย และ Festival เทศกาลประเพณีไทย ให้ส่งเสริมตลอดไป กานต์เชื่อว่าประเทศไทยยังมีที่ที่คนทั้งโลกยังไม่เห็น ทีมนางสาวไทยเราจะไปนำมาให้ทุกคนชมกันอย่างแน่นอน”

ด้าน แอ้ม สุพรรษา เผยว่าการเป็นนางงามเป็นหนึ่งความฝันของแอ้ม เมื่อเรียนจบม.6 มีคนชวนจึงเข้ามาประกวด แอ้มภูมิใจในตัวเองมาก เพราะเพิ่งเรียนจบมัธยม อายุแค่ 18 ปี แล้วได้เป็นรองอับดับ 4 นางสาวไทย พ่อแม่โทร.มาแสดงความยินดี ดีใจมาก แอ้มเริ่มต้นเส้นทางนี้จากการประกวดโครงการทูบีนัมเบอร์วัน ได้ระดับจังหวัด จากนั้นมาได้ระดับประเทศ มีพี่ที่รู้จักชวนมาประกวดนางงาม เราสนใจวงการนี้อยู่แล้ว ชื่นชอบการประกวดนางงาม แต่ยังไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าสบตาคนอื่น เมื่อโอกาสมาถึงเราไม่อยากพลาดโอกาส จึงคิดว่าลองดูสักครั้งไม่เสียหาย ถ้ามัวแต่อายคงจะไม่ได้ไปไหน จึงตัดสินใจทำดู แอ้มไม่มีประสบการณ์เลยจึงฝึกหนักกว่าคนอื่น

“เมื่อมาเวทีใหญ่ทุกคนมีประสบการณ์เยอะมาก เราไม่มีอะไรเลย อาศัยดูตามยูทูบแล้วฝึกฝนการเดิน การพูดด้วยตัวเอง และเราก็ทำได้ ตอนแรกที่เรียนจบม.6 คิดว่าจะไม่ได้เรียนต่อแล้ว เพราะที่บ้านไม่มีเงินส่งเรียน จึงอยากส่งตัวเองเรียน เคยสมัครเรียนต่อสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เขาให้ทุนเรียน แต่ถ้าต้องมาเรียนในกรุงเทพฯ ค่ากิน ค่าอยู่ เราต้องออกเอง จึงมาประกวดหาเงินนำไปดูแลตัวเอง ล่าสุดมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเป็นคุณแม่ที่เรานับถือบอกว่าจะส่งเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง ให้มาทำงานกับเขาจันทร์-ศุกร์ เสาร์-อาทิตย์ก็ไปเรียน กำลังตัดสินใจเรื่องนี้อยู่ว่าอนาคตเราจะทำอย่างไร” แอ้ม สุพรรษา กล่าว

สองสาวฝากขอบคุณแฟนนางงามที่สนับสนุนและคอยส่งกำลังใจให้พวกเธอเสมอ และฝากแฟนๆ นางงามทุกคนช่วยกันติดตามและเป็นกำลังใจให้ทีมนางสาวไทย ประจำปี 2566 ต่อไป