สารสกัด CBD จากกัญชง มีประโยชน์ในการนำมาใช้ในวงการแพทย์ อาหาร และเครื่องสำอาง คลายเครียด ปกป้องเซลล์ประสาท ต้านชัก แก้ปวด ฤทธิ์ต้านเนื้องอก ต้านอาการอักเสบ ต้านฤทธิ์ต่อจิตประสาท และไม่ทำให้เกิดการดื้อหรือติด
นักวิจัยจากสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. และเป็นผู้ดูแล “โครงการวิจัยและพัฒนากัญชงและพืชสกุล Cannabis เป็นพืชเศรษฐกิจและพืชทางเลือกใหม่บนพื้นที่สูง” เผยถึง สารสกัด CBD เป็นสารที่ไม่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ไม่ทำให้มึนเมา โดยออกฤทธิ์เพื่อการคลายเครียด ปกป้องเซลล์ประสาท ต้านชัก แก้ปวด ฤทธิ์ต้านเนื้องอก ต้านอาการอักเสบ ต้านฤทธิ์ต่อจิตประสาท และ CBD ไม่ทำให้เกิดการดื้อหรือติด สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทั้งเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา อาหาร และเครื่องสำอาง
โดย สธ. ประกาศให้ สารสกัด CBD ที่มี THC ไม่เกิน 0.2% ไม่เป็นยาเสพติด สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย โดยมีข้อแม้ให้สารสกัดดังกล่าว จะต้องได้จากกัญชงหรือกัญชาที่ผลิตภายในประเทศเท่านั้นหากเป็น CBD ที่ได้จากการนำเข้ายังจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ
ดร.สริตา ปิ่นมณี นักวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์กรมหาชน) ซึ่งเป็นผู้ดูแล “โครงการวิจัยและพัฒนากัญชงและพืชสกุล Cannabis เป็นพืชเศรษฐกิจและพืชทางเลือกใหม่บนพื้นที่สูง” เปิดเผยว่า สาร CBD (Cannabidiol) และ THC (Tetrahydrocannabinol) จัดเป็นสารในกลุ่มคานนาบินอยด์ (Cannabinoids) ที่มีประโยชน์ทางการแพทย์ พบในพืชสกุล Cannabis คือ กัญชา (Marijuana) และ กัญชง (Hemp) โดยสารสำคัญ THC และ CBD มีมากในส่วนของช่อดอก สกัดได้จากช่อดอก ไม่ใช่น้ำมันหรือการสกัดจากเมล็ดกัญชง
สารสกัด CBD จากกัญชง ใช้ได้ ปลอดภัย ไม่เสพติด
สำหรับสาร CBD นั้น ไม่จัดเป็นยาเสพติด ซึ่งเป็นสารที่ไม่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Non-psychoactive) ไม่ทำให้มึนเมา โดยออกฤทธิ์เพื่อการคลายเครียด ปกป้องเซลล์ประสาท ต้านชัก แก้ปวด ฤทธิ์ต้านเนื้องอก ต้านอาการอักเสบ ต้านฤทธิ์ต่อจิตประสาท และ CBD ไม่ทำให้เกิดการดื้อหรือติด สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทั้งเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา และอาหาร ส่วนสาร THC จัดเป็นสารเสพติดประเภทที่ 1 (องค์การอนามัยโลก) มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท (Psychoactive) ทำให้เคลิบเคลิ้ม ผ่อนคลาย ทำให้ง่วง หลับง่าย กระตุ้นการอยากอาหาร ต้านปวด ต้านอาเจียน และคลายกล้ามเนื้อ แต่ทำให้เสพติดได้
โดยกระทรวงสาธารณสุขประกาศให้ สารสกัด CBD ที่มี THC ไม่เกิน 0.2% ไม่เป็นยาเสพติด สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ได้แก่ ทางการแพทย์ การศึกษาวิจัย ทำผลิตภัณฑ์ เช่น ยา อาหาร สมุนไพร และเครื่องสำอาง โดยมีข้อแม้ให้สารสกัดดังกล่าว จะต้องได้จากกัญชงหรือกัญชาที่ผลิตภายในประเทศเท่านั้นหากเป็น CBD ที่ได้จากการนำเข้ายังจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ ดังนั้นถ้าต้องการใช้ CBD ต้องปลูกกัญชง หรือกัญชาเองในประเทศไทย
ประโยชน์ของสาร CBD สกัดจากกัญชง
ประโยชน์ของสาร CBD กับคุณสมบัติทางยา
- ลดอาการปวด อาการอักเสบ ในร่างกาย
- ลดความกังวล
- ควบคุมอาการชักได้ โดยไม่มีความเป็นพิษต่อระบบประสาท
- ลดการอุดตันของเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจ
- ช่วยรักษาโรคหลอดเลือดและหัวใจ
- ลดอาการคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยที่รับยาเคมีบำบัดเมื่อใช้ยามาตรฐานไม่ได้ผล
- ลดอาการเบื่ออาหารน้ำหนักลดในผู้ติดเชื้อเอชไอวี โรคลมชักรุนแรงสองชนิดที่ชื่อว่า Lennox-Gastaut syndrome และ Dravet syndrome
- ควบคุมอาการปวดเรื้อรัง รักษาอาการปวดจากโรคปลอกประสาทอักเสบ (โรคเอ็มเอส)
- ลดปวดและคลื่นไส้ในผู้ป่วยระยะสุดท้าย (ข้อบ่งชี้ของทางออสเตรเลียกำหนดไว้ว่าให้ใช้เมื่อการรักษามาตรฐานยังได้ผลไม่ดีเท่านั้น)
- บรรเทาอาการลมบ้าหมู
- บรรเทาอาการของโรค ALS หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- บรรเทาอาการพาร์กินสัน (อาการสั่น)
- ลดปัญหาสิวและอาการผิวแห้ง
- บรรเทาอาการซึมเศร้า
- บรรเทาอาการโรคเบาหวาน
- บรรเทาอาการทางจิตเภทต่างๆ
- บรรเทาอาการลงแดงจากสารเสพติดอื่นๆ
- บรรเทา และป้องกันโรคหัวใจด้วย
สาร CBD ในอาหาร
ในส่วนของสาร CBD กับ อาหารนั้น จากประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 429 (27 ส.ค.2564) ได้กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อาหาร จะต้องมี CBD ได้ไม่เกิน 75 มิลลิกรัม/กิโลกรัม (ppm) และ THC ไม่เกิน 0.15 มิลลิกรัม/กิโลกรัม จำนวน 4 ประเภทอาหาร คือ
- ผลิตภัณฑ์เสริม ชนิดเม็ด แคปซูล และของเหลว
- เครื่องดื่มแต่งกลิ่นรสอัดก๊าซ
- เครื่องดื่มแต่งกลิ่นรสไม่อัดก๊าซ
- เครื่องดื่มธัญชาติ (Cereal and grain beverages)
สาร CBD ในเครื่องสำอาง
ในด้านความสวยความงาม สาร CBD มีคุณสมบัติมากมาย เช่น
- ต่อต้านอาการอักเสบ
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- ฟื้นบำรุง และปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงแดด
- ช่วยเพิ่มคอลลาเจนฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน
- กระตุ้นการผลัดเซลล์ และสร้างผิวใหม่
- ลดรอยแดง รอยดำดูจางลง
- เติมความชุ่มชื้นให้ผิว
ทำให้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ CBD เป็นสินค้าขายดีในทั่วทุกมุมโลก
สำหรับประเทศไทยกฎหมายเปิดให้ใช้ CBD ในเครื่องสำอางพร้อมใช้ทุกประเภทได้ไม่เกิน 1.0% โดยห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในช่องปากหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้บริเวณจุดซ่อนเร้น วัตถุดิบที่ใช้ต้องมีสาร THC ปนเปื้อนไม่เกิน 0.2% และในกรณีเครื่องสำอางพร้อมใช้รูปแบบน้ำมัน หรือ soft gelatin capsules จะต้องมีสาร THC ปนเปื้อนไม่เกิน 0.001% (ประกาศกระทรวงสาธารณสุข 11 พ.ค.2564) ซึ่งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ที่มี CBD เป็นส่วนประกอบ เช่น ครีม โลชั่น สบู่ แชมพู ลิปบาล์ม รวมทั้งผลิตภัณฑ์สมุนไพร เช่น ยาหม่อง เป็นต้น
ปัจจุบัน สวพส. และมูลนิธิโครงการหลวง อยู่ระหว่างการปรับปรุงพันธุ์ให้กัญชงที่มีปริมาณ CBD สูง และ THC ต่ำกว่า 1.0% ซึ่งในปัจจุบัน พบสายพันธุ์ที่มีปริมาณ CBD เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 5-15 % โดยอยู่ระหว่างขั้นตอนการปลูกทดสอบและปรับปรุงพันธุ์ โดยมีเป้าหมายให้ได้พันธุ์ที่มีปริมาณ CBD 20% ภายในปี พ.ศ. 2570 และปัจจุบัน มีพันธุ์กัญชงที่ขึ้นทะเบียนพันธุ์แล้วจำนวน 8 พันธุ์ ได้แก่ RPF1 , RPF2 , RPF3 , RPF4 , RPF5 , RPF6 , RPF7 และ RPF8 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจปริมาณและคุณภาพของเมล็ด โดยคาดว่าทาง สวพส. เปิดจำหน่ายเมล็ดกัญชง (Hemp) ครั้งที่ 2 ประมาณปลายปี พ.ศ. 2564 นี้
สามารถติดตามข่าวสารต่างๆ ของ สถาบันฯ ผ่านเว็บไซต์ https://www.hrdi.or.th/ หรือ Facebook Fan page : สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง(องค์การมหาชน)