ช่วงวิกฤตโควิด-19 ระบาดหนักๆ ที่ผ่านมานั้น เราได้พบเห็นบุคคลและกลุ่มคนที่มีจิตอาสาจิตสาธารณะเข้าช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนอยู่ทุกซอกทุกมุมในบ้านเรา
หนึ่งในผู้ใหญ่ใจดีหรือคนที่อุทิศตัวเพื่อช่วยเหลือคนอื่นในช่วงวิกฤตการณ์แบบนี้ซึ่ง Sanook อยากจะพาไปแนะนำให้รู้จักก็คือ “กอล์ฟ” อัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ ผู้ซึ่งปวารณาตัวในการช่วยเหลือผู้เดือดร้อนด้อยโอกาสอยู่อย่างสม่ำเสมอ
ข้ามน้ำข้ามทะเลเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิต
ย้อนไปในสมัยวัยรุ่น กอล์ฟ เติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างลำบาก จนกระทั่งวันหนึ่งด้วยความพยายามและกระเสือกกระสนดิ้นรนเพื่อที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น กอล์ฟ ตัดสินใจเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปแสวงหาโอกาสเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งที่นั่นกลายเป็นที่เพาะบ่มให้ กอล์ฟ อัครนันท์ เติบโตขึ้นทั้งความคิดและรายได้ เป็นพื้นฐานชีวิตที่สำคัญจนปฏิเสธไม่ได้ว่านำมาซึ่งความสำเร็จของชีวิตในเวลาต่อมา เพราะเขาได้สัมผัสประสบการณ์ชีวิตมากมาย ได้ขวนขวายเพื่อเอาตัวรอดจากสภาวะแวดล้อมที่ไม่คุ้นชิน
วันคืนเลื่อนผ่านจากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปีจนผ่านไปหลายปี กอล์ฟ ก็ตัดสินใจเลือกนำเงินทุนก้อนหนึ่งที่เก็บหอมรอมริบจากการทำงานหลากหลายประเภทในเมืองลุงแซมกลับมายังดินแดนบ้านเกิดเมืองนอน และอย่างที่หลายๆ คนคงพอจะทราบกันอยู่บ้างแล้วว่ากิจการที่ กอล์ฟ ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดหลังจากกลับมาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองไทยคือ “ธุรกิจอาหารเสริม” ที่มีหุ้นส่วนธุรกิจล้วนเป็นคนดังในวงการบันเทิง อาทิ ดีเจต้นหอม-ศกุนตลา เทียนไพโรจน์, ดีเจมะตูม-เตชินท์ พลอยเพชร และ แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์
แต่ทว่าชีวิตคนเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่เพียงอย่างเดียว เพราะธุรกิจที่กำลังรุ่งโรจน์ก็ประสบกับวิกฤตศรัทธาเข้ามาถาโถม
สู้ต่อ ไม่ย่อท้ออุปสรรค
“ช่วงวิกฤตธุรกิจอาหารเสริม เวลานั้นยอดขายของเอเค เก้าหนึ่งกรุ๊ป เหลือเพียง 10% รู้สึกเห็นใจตัวแทนมาก คนไทยไม่กล้าบริโภคของไทย ทั้งที่ผู้ประกอบการดีๆ ก็มีมาก ก็มาคิดว่าถ้าเราท้อ พวกตัวแทนกว่าสองหมื่นคนจะอยู่ได้อย่างไร ทุกคนมีครอบครัวต้องดูแล ก็เลยลุกขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ความตั้งใจจริง เริ่มจากอันดับแรกไม่มีการเทตัวแทน มีแต่ทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ซื้อโฆษณาสื่อป้ายบิลบอร์ดต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นว่าบริษัทเรายังอยู่ ช่วงนั้นมีหลายแบรนด์ที่ปิดกิจการไปเลย ทำให้ตัวแทนที่สต็อกสินค้าไว้ต้องขาดทุน นอกจากนี้ เรายังมีการทำโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดแรงจูงใจในการซื้อสินค้า”
และเพื่อให้สังคมมั่นใจว่า บริษัทไม่ได้ทำธุรกิจแบบขายตรงหรือลูกโซ่ กอล์ฟจึงไปขอปรึกษาหารือถึงรูปแบบการดำเนินธุรกิจหรือ Business Model กับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่ง สคบ.ก็ส่งหนังสือตอบกลับลงวันที่ 22 สิงหาคม 2561แจ้งผลการพิจารณาว่า ธุรกิจของบริษัท เอเค เก้า หนึ่งกรุ๊ป จำกัด มีลักษณะเป็นการขายปลีก ขายส่ง ให้กับตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น มิใช่เป็นการทำตลาดในลักษณะของการรับสมัครผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรง
“ที่ต้องบอกอีกอย่าง คือ ธุรกิจเราไม่เพียงช่วยให้หลายคนที่ขยันจนกระทั่งสามารถสร้างฐานะมีทรัพย์สินต่างๆ ใครที่มีหนี้สินก็ปลดหนี้ได้เท่านั้น แต่เอเค เก้าหนึ่งกรุ๊ป ยังช่วยเหลือสังคมมามาก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้านให้กับคนแก่ที่ไม่มีบ้านอยู่ หรืออย่างวิกฤตเขื่อนแตกที่สาธารณรัฐประชาชนลาว ก็มีการระดมทุนโดยชวนเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงนำเสื้อผ้าของรักมาบริจาค จากนั้นก็เปิดประมูลโดยการ Live ที่เฟซบุ๊คส่วนตัว ซึ่งได้รับความสนใจมียอดวิวถึง 1.5 ล้านวิว ได้เงินจากการประมูล 1.3 ล้านบาท นำเงินไปช่วยพี่น้องผู้ประสบภัย สปป.ลาว โดยปีนี้เราตั้งใจจะนำเสื้อผ้าและผ้าห่มไปมอบให้กับพี่น้องที่อยู่บนดอย”
จิตอาสา ตอบแทนบ้านเกิดเมืองนอน
เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาที่ถือได้ว่าเป็นการพิสูจน์ตัวตนและความจริงใจในการดำเนินธุรกิจมาได้ สังคมและคนทั่วไปจำนวนหนึ่งจึงได้เห็นว่า กอล์ฟ อัครนันท์ เริ่มเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือสังคมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บ้านเกิดใน จ.กาญจนบุรี ยิ่งในช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก ทีมงานจิตอาสา รถปันสุข ปันจากหัวใจ กอล์ฟ-อัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ ลงพื้นที่แจกข้าวสาร 10 ตัน มอบให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ 10 ชุมชน เขตอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งยังบริจาคสิ่งของช่วยเหลือชาวบ้านเป็นประจำทั้งในประเทศและต่างประเทศจากการหาเงินสมทบทุน ระดมทุนร่วมบริจาคที่ผ่านมา
“ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกนี้หนักกว่าที่ผ่านมา จึงเลือกแจกเป็นข้าวสารเพราะเคยแจกข้าวกล่อง แจกถุงปันสุขแล้ว ถ้าเป็นข้าวสารจะสามารถหุงทานได้หลายมื้อ ทานได้หลายคน ซึ่งที่นำมาแจก จำนวน 10 ตัน ในพื้นที่ 10 ชุมชน โดยมีรถปันสุข ปันจากหัวใจ กอล์ฟ-อัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ วิ่งตามจุดต่างๆ เพื่อมอบข้าวสารให้ชาวบ้านเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น”
เมื่อถามว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนถึงได้ทำอะไรเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่เคยหยุดนิ่งเลยทั้งการบริหารธุรกิจส่วนตัวและการช่วยเหลือสังคม บรรทัดต่อจากนี้คือคำตอบของชายผู้นี้
“ผมเคยลำบากมาก่อน จนตอนนี้หลายๆ คนมองว่าผมประสบความสำเร็จแล้ว แต่พอผมกลับไปที่บ้านแม่ผมที่เมืองกาญจน์ ผมรู้สึกว่าทำไมหลายคนยังลำบากอยู่เลย กับบางคนเนี่ยแม้กระทั่งอาหารประทังชีวิตเขากับครอบครัวยังแทบจะไม่มีเลย ผมเลยคิดว่าเราต้องทำอะไรซักอย่างที่พอจะช่วยเหลือพวกเขาได้”
ผมถามคำถามนี้ปิดท้ายก่อนจะขอตัวแยกจากกันในวันที่ได้นั่งคุยกัน “ใครคือบุคคลต้นแบบและแรงบันดาลใจให้คุณกอล์ฟเดินมาถึงจุดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ครับ”
“แม่ของผมครับ ผมเห็นแม่อุทิศตัวทำอะไรเพื่อคนอื่นมาตลอดตั้งแต่ผมยังเด็กๆ ทุกวันนี้ผมคิดอยู่อย่างเดียวว่าอยากทำให้แม่มีความสุขครับ”
สิ่งที่ผมได้เคล็ดลับจาก กอล์ฟ อัครนันท์ นอกเหนือจากฐานะที่ร่ำรวยระดับหนึ่งผ่านบ้านหรูหราในหมู่บ้านแห่งหนึ่งกลางกรุง รถยนต์สปอร์ตชั้นเลิศจำนวนหนึ่งที่จอดอยู่ในบ้าน ก็คือ ความถ่อมตัว ความขยันไม่ย่อท้อ แล้วก็ความกตัญญูทั้งต่อบุพการีและบ้านเกิดเมืองนอนครับ