สมาชิกกองทุนหมู่บ้านเฮ! รัฐบาล ดัน โครงการ “โคล้านครอบครัว” ให้กู้ยืมเงินเลี้ยง ปลอดดอกเบี้ย คาดกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก พัฒนาคุณภาพชีวิตเป็นรูปธรรม
15 มี.ค. 66 – นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 14 มีนาคม 2566 อนุมัติการดำเนินงานโครงการโคล้านครอบครัว วงเงินงบประมาณ 5,000 ล้านบาท
โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง มีกำหนดระยะเวลา 4 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกกองทุนที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถกู้ยืมเงินทุนสำหรับเลี้ยงโค ครอบครัวละ 2 ตัว
ซึ่งคาดว่าตลอดทั้งโครงการจะสามารถจัดหาโคได้ 2 แสนตัว สำหรับ 100,000 ครอบครัว โดยประชาชนไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแก่ทางธนาคาร ทางรัฐจะชดเชยดอกเบี้ยธนาคารให้ตลอดระยะเวลา 4 ปีเต็ม ในอัตราคงที่ 4%
ทั้งนี้ สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องชำระคืนเงินต้นให้กองทุนหมู่บ้านฯ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 4 ปี โดยในปีที่ 3 ให้ชำระคืนเงินต้นร้อยละ 50 ของวงเงินที่กู้ยืม และชำระคืนเงินต้นที่เหลือในปีที่ 4
นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม มุ่งหวังให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ได้รับประโยชน์โดยตรง เตรียมลุยลงพื้นที่เปิดโครงการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ทั่วทุกภาคของประเทศไทย มุ่งหวังให้โครงการโคล้านครอบครัวเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ อย่างเป็นรูปธรรม
ซึ่งมีแหล่งทุนหมุนเวียน สำหรับการกู้ยืมเพื่อการลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ บรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ที่เป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สถานการณ์อุทกภัย และเสริมสภาพคล่องให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ผ่านการสนับสนุนการทำปศุสัตว์ คือ การเลี้ยงโค
นายอนุชา กล่าวว่า การเลี้ยงโค เลี้ยงไม่ยาก สามารถคืนทุนได้เร็ว พี่น้องประชาชนมีโอกาสจับเงินหลักแสน หลักล้านได้ง่าย ตนได้ทดลองให้เกษตรกรในพื้นที่ จ.สุโขทัย 1,000 ครัวเรือนเลี้ยงโคนำร่อง พบว่าประสบผลสำเร็จ 100%
โดยประชาชนสามารถปลดหนี้ และยังมีเงินเพิ่มขึ้นในครัวเรือน ตนมั่นใจว่าโครงการนี้จะช่วยให้ประชาชนที่อยู่ในระดับฐานราก โดยเฉพาะภาคการเกษตรมีความเข้มแข็ง หลุดพ้นจากความยากจน เป็นโอกาสที่ประชาชนจะมีรายได้เสริม และอาจพัฒนาเป็นอาชีพหลักในอนาคตได้