จากปัญหากฎระเบียบของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ( กสทช. ) ในส่วนของกฎ Must Have ซึ่งระบุว่า ประชาชนชาวไทยจะต้องได้รับชม 7 มหกรรมกีฬาผ่านทางฟรีทีวีแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ได้แก่ ซีเกมส์, อาเซียนพาราเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, เอเชี่ยนพาราเกมส์, โอลิมปิกเกมส์, พาราลิมปิกเกมส์ และฟุตบอลโลก รวมถึงกฎ Must Carry ที่ผู้ถือลิขสิทธิ์จะต้องให้ผู้ชมได้รับชมผ่านทางทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาในการซื้อลิขสิทธิ์รายการกีฬาต่างๆ
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. เผยว่า กฎทั้งสองดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาพอสมควร เพราะอย่าง Must Carry เวลาเจ้าของลิขสิทธิ์ขาย ก็ขายแยกแพลตฟอร์ม ถ้านำไปถ่ายในแพลตฟอร์มอื่นจะโดนปรับได้ ทำให้ภาคเอกชนเองไม่กล้าลงทุน ดังนั้นคงจะต้องปรับแก้ไขเพื่อให้ทุกฝ่ายได้ทำงานกันง่ายขึ้น ซึ่งคงจะมีการพูดคุยกันหลังจบฟุตบอลโลกครั้งนี้ เพราะจะมาให้ กสทช. เป็นผู้ออกเงินทุกครั้งคงไม่ได้
รักษาการเลขา กสทช. กล่าวเพิ่มเติมว่า จริงๆ แล้วก็มองว่าควรทำให้เหมือนต่างประเทศคือ ประชาชนต้องเสียเงินดูบางคู่เองบ้าง แต่ด้วยความที่คนไทยเป็นคนโอบอ้อมอารี หน่วยงานภาครัฐเองก็อยากให้คนไทยได้รับชมกัน จึงอยากทำออกมาให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามถ้าระเบียบที่ กสทช. ออกมามีปัญหา ก็คงต้องแก้ให้มันเหมาะสม ให้เอกชนสามารถเข้ามาลงทุน และไปหากำไรด้านอื่นๆ มาทดแทนได้ จะทำให้มีคนกล้าลงทุน และเชื่อว่ามีคนอยากลงทุนกันเยอะ
“การได้ดูฟรีมันดีที่สุด ก็อยากให้ได้ดูฟรีกัน แต่ก็คงต้องปรับกฎให้เอกชนสามารถเข้ามาลงทุนได้ก่อน ส่วนรัฐจะมาช่วยสนับสนุนให้ประชาชนได้ดูฟรี ก็ค่อยมาว่ากันต่อไป” นายไตรรัตน์กล่าวปิดท้าย