กว่าจะเป็น "LALISA" ต้องเผาผลาญแคลอรีไปกับการเต้นมากแค่ไหน? (ภาพ)

Home » กว่าจะเป็น "LALISA" ต้องเผาผลาญแคลอรีไปกับการเต้นมากแค่ไหน? (ภาพ)

“BLACKPINK IN YOUR AREA” กลายเป็นคำที่ติดปากสาวกศิลปินเกาหลีทั่วโลก และนั่นคือหลักฐานว่า ความพยายามสามารถส่งให้สาวตัวเล็กๆจากจังหวัดบุรีรัมย์ อย่าง “ลิซ่า แบล็คพิ้งค์” หรือ ลลิสา มโนบาล กลายเป็นที่ยอมรับได้แค่ไหน

BLACKPINK คือวงเกิร์ลกรุ๊ปจากเกาหลีใต้มีสมาชิกทั้งหมด 4 คน ได้แก่ เจนนี่, จิซู, โรเซ่ และ ลิซ่า โดยทางวงได้ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกด้วยเพลง Boombayah เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2016 โดยใช้แนวดนตรีป๊อปเเดนซ์ผสมกับฮิปฮอป และเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาดังเป็นพลุแตกกับ DDU-DU DDU-DU ผลงานในปี 2018 ที่ทำให้ทั้งโลกรู้จักเกิร์ลกรุ๊ปที่มีจุดเด่นในด้านการเต้นวงนี้ ก่อนจะตอกย้ำด้วยซิงเกิ้ล Kill This Love ที่ทำสถิติยอดผู้ชม 100 ล้านวิว ในยูทูบ ภายในเวลา 2 วัน 14 ชั่วโมง 13 นาที ล้มเพลง Gentleman ของศิลปินชื่อดัง PSY ที่ทำไว้ที่ 2 วัน 19 ชั่วโมง

ปี 2020 BLACKPINK สร้างปรากฎการณ์ใหม่อีกครั้ง เมื่อพวกเธอนำซิงเกิ้ล How You Like That ทำสถิติยอดผู้ชม 100 ล้านวิว ในยูทูบ ภายในเวลา 1 วัน 8 ชั่วโมง 22 นาที ทำลายเจ้าของสถิติเดิมอย่างเพลง Boy With Luv ของบอยแบนด์วง BTS ซึ่งทำไว้ที่ 1 วัน 13 ชั่วโมง 38 นาที อย่างราบคาบ
bและปี 2021 ลิซ่า กลายเป็นสมาชิกคนที่ 3 ของวง ต่อจาก เจนนี่ และ โรเซ่ ที่มีอัลบั้มเดี่ยวเป็นของตัวเอง โดยซิงเกิ้ลแรก Lalisa ตามชื่อจริงของเธอ และชื่ออัลบั้ม ทำยอดวิวทะลุ 1 ล้านวิวตั้งแต่ยังปล่อย MV ลงยูทูบไม่ถึง 3 นาที หรือหากพูดให้เห็นภาพคือ ตั้งแต่เพลงที่มีความยาว 3 นาที 26 วินาที ยังเล่นไม่จบด้วยซ้ำ ก่อนจะทะลุ 10 ล้านวิวในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง 30 นาที (ขอสารภาพว่า ทีมงานของ Main Stand ก็เพิ่มยอดไปหลายวิว) และแน่นอน สายแดนซ์ทั่วโลกเริ่มแกะท่าเต้นของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ลิซ่า เริ่มฝึกเต้นมาตั้งแต่เด็ก และตอนที่เธออายุ 14 ปี เธอเริ่มมีทักษะการเต้นที่ยอดเยี่ยม และเคยผ่านเวทีประกวด LG Entertainer ก่อนที่ค่ายเพลงดังของเกาหลีอย่าง YG Entertainment จะมาเปิดออดิชั่นที่ประเทศไทยในปี 2010 และเห็นแววจนเซ็นสัญญาศิลปินฝึกหัดกับ ลิซ่า

หลังจากนั้นเธอก็เข้าสู่โหมดความกดดันเต็มรูปแบบ เพราะต้องเจอทั้งการประเมินความสามารถ และพัฒนาการประจำเดือน หากมาตรฐานตกก็โดนยกเลิกสัญญาได้เลย และทางค่ายก็หาเด็กคนใหม่มาทดแทน นอกจากนี้ยังต้องปรับตัวกับวัฒนธรรม เรียนภาษาเกาหลี และที่สำคัญที่สุดคือการฝึกร้องและเต้น เพื่อเอาชนะเด็กคนอื่นๆ ที่ก็ต่างรอวันได้ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินเช่นเดียวกับเธอ
rอย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมาไม่อาจหยุดความมุ่งมั่นของ ลิซ่า ได้ ซึ่งที่สุดเเล้วเธอกลายเป็นศิลปินสุดฮ็อตของวงการ เค-ป๊อป โดยมีผู้ติดตามใน Instagram ถึง 59.1 ล้านคน ขึ้นแท่นศิลปินที่มีผู้ติดตามมากที่สุด เป็นอันดับ 1 ในวงการ เค-ป๊อป ไปเรียบร้อยเเล้ว ที่สำคัญ 4 อันดับแรก คือสมาชิกวง BLACKPINK ทั้งหมดอีกด้วย

เหตุผลที่นิตยสาร Forbes ตัดสินใจเลือก BLACKPINK เข้ามาในลิสต์ 30 Under 30 หรือคนดังอายุต่ำกว่า 30 ปีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเอเชีย หมวดหมู่ Entertainment & Sports ประจำปี 2019 เพราะว่านี่คือวงดนตรีที่มีการผสมผสานทางเชื้อชาติและภาษา นั่นหมายถึงจุดยืนของพวกเธอในด้านความเท่าเทียมโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ, อายุ และ เพศ เป็นไปได้ตามเป้า ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ BLACKPINK มีอิทธิพลมากกว่าเเค่การเต้นและการทำเพลงออกมาให้ดังเท่านั้น

“ในฐานะที่เป็นกลุ่มที่มีภูมิหลังที่หลากหลายทางวัฒนธรรม เรามีข้อได้เปรียบในการพูดภาษาได้อย่างอิสระ” ลิซ่า บอกกับ Forbes
s“ในฐานะวงที่มีภูมิหลัง, วัฒนธรรม ที่หลากหลาย มันทำให้เราได้เปรียบ วงของเรามีอิสระในการพูดและสื่อสาร และนั่นทำให้เราสื่อสารกับแฟนๆทั้งในเกาหลีและต่างประเทศได้ ดูเหมือนตอนนี้ทุกคนกำลังเพลิดเพลินกับเพลงของเราโดยไม่มีการแบ่งแยกเรื่อง เชื้อชาติ, เพศ และ อายุ” สมาชิกอายุน้อยที่สุดในวงชาวไทยกล่าว

ทั้งหมดทั้งมวลทำให้เราเห็นว่า จากวัยรุ่นไทยที่รักการเต้นสู่การเป็นบุคคลทรงอิทธิพลของโลก เกิดขึ้นจากการทำงานอย่างหนัก โดยเฉพาะเรื่องแรงใจที่สู้ไม่ถอยของ ลิซ่า

แต่ถ้าเราลองมาจำแนกดูว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ ลิซ่า ต้องใช้แรงกายมากเท่าไหร่? เสียแคลอรี่ไปมากแค่ไหน ตลอด 11 ปี แห่งความพยายาม มาลองดูกันดีกว่าว่าตัวเลขเหล่านี้จะเหลือเชื่อขนาดไหน

– ตั้งแต่ฝึกจนถึงมีชื่อเสียง ลิซ่า ซ้อมเต้นวันละกี่ชั่วโมง?
การเป็นศิลปินฝึกหัดนั้นต้องทุ่มเทให้กับการซ้อมเป็นอย่างมาก โดย 1 วันจะต้องแบ่งเวลาให้การซ้อมทั้งหมดเป็นเวลามากกว่า 10 ชั่วโมง โดยส่วนใหญ่จะเริ่มตั้งแต่ 10 โมงเช้าไปจนถึงประมาณ 4 ทุ่ม โดยการฝึกนั้นมีหลายส่วนทั้งการร้อง, การเรียนภาษา และ เรียนการแสดง แต่สำหรับการเต้นนั้นสำคัญที่สุด เพราะในทุกๆวันจะมีโปรเเกรมสำหรับซ้อมออกแบบท่าเต้นอย่างเดียวประมาณ 5 ชั่วโมง โดยเเบ่งเป็นช่วงเช้า และช่วงบ่าย คิดเป็นจำนวนการเต้นแบบต่อเนื่องประมาณ 3 ชั่วโมง แม้จะดูเป็นการซ้อมที่โหดเอาเรื่อง แต่นี่ก็แค่การซ้อมในตารางเท่านั้น เพราะมีศิลปินหลายคนจากค่าย YG เปิดเผยว่าพวกเขาแทบจะไม่มีเวลาเหลือทำอย่างอื่นเลย เพราะเมื่อมีเวลาว่างก็ต้องหาเวลาซ้อม เพื่อปรับปรุงจุดอ่อนของตัวเอง การเป็นไอดอลนั้นว่ากันว่าพวกเขามีเวลาหยุดแบบ “ฟรีเดย์” เพียงแค่ 3-5 วันต่อ 1 ปีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เราจะสรุปให้ได้เห็นภาพมากที่สุดคือ 3 ชั่วโมงต่อ 1 วันสำหรับการซ้อมเต้นแบบต่อเนื่องของ ลิซ่า BLACKPINK ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
w– อัตราการเผาผลาญแคลอรี่ ต่อวัน/เดือน/ปี มากแค่ไหน?
การเต้นแบบที่ ลิซ่า และสมาชิกวงคนอื่นๆ เต้นนั้นถือว่าเป็นศาสตร์ที่ยากและใช้แรงมากกว่าการเต้นออกกำลังกายทั่วไป มีการยืนยันออกมาว่าการออกกำลังกายแบบ “ฮิปฮอปเเดนซ์” จะสามารถเผาผลาญปริมาณแคลอรีได้ถึง 600 แคลอรี่ ต่อ 1 ชั่วโมง และหากจะคิดเป็นปีแล้วเท่ากับว่า ลิซ่า เผาผลาญแคลอรี่ได้ทั้งหมด 540,000 กิโลแคลอรี่ ดังนั้น หมายความว่าตลอดระยะเวลาในการเป็นศิลปินฝึกหัดจนถึงเป็นซูเปอร์สตาร์ รวมเเล้วเป็นเวลา 11 ปี เธอคนนี้ เผาผลาญแคลอรี่ไปแล้วกว่า 5,940,000 กิโลแคลอรี่เลยทีเดียว

– วาดภาพ 5,940,000 แคลอรี่ให้ชัดๆ?
หากพูดเป็นตัวเลขว่า 5,940,000 กิโลแคลอรี่ คงจะไม่เห็นเป็นภาพและไม่ว้าวมากพอ เราจึงขอเทียบกับการวิ่งใน Pace 4 ในระยะทางทั้งหมดถึง 144,878 กิโลเมตร (คำนวณด้วยส่วนสูง 167 เซนติเมตร หนัก 48 กิโลกรัม ตามลิซ่า) หรือจะให้เห็นชัดยิ่งกว่านั่นคือการเปรียบเทียบกับ พี่ตูน บอดี้แสลม วิ่งในโครงการก้าวคนละก้าว ระยะทาง 2,215 กิโลเมตร ได้ทั้งหมด 65.5 ครั้ง แต่ถ้ายังไม่พอใจ เราจะขอวาดภาพให้เห็นชัดๆไปเลยว่า ลิซ่า ใช้เวลาวิ่งรอบโลกไปทั้งหมด 3.6 รอบ!
q– ออกกำลังระดับนี้สามารถเผาผลาญอาหารได้ระดับไหน?
5,940,000 กิโลแคลอรี่ ที่ ลิซ่า เผาผลาญไปนั้น เธอสามารถกินข้าวขาหมูที่มีแคลอรี่จานละ 690 แคลอรี่ ได้ทั้งหมด 8,608 จาน, สามารถดื่ม ชานมไข่มุก ที่มีค่าเฉลี่ยต่อแก้วที่ 350 แคลอรี่ ได้ทั้งหมด 16,971 แก้ว, นอกจากนี้ ยังเผาผลาญหมูกรอบได้ถึง 1.41 ตัน, พิซซ่าหน้าชีส 16,500 ชิ้น และ บิงซู ถึง 19,800 ถ้วยเลยทีเดียว

นี่คือสิ่งที่ ลิซ่า BLACKPINK ทำมาตลอด 11 ปี และดูเหมือนว่าความมุ่งมั่นและอดทนทั้งหมดของเธอจะสามารถผลิดอกออกผลอย่างงดงาม จนกลายเป็น 1 ในความภูมิใจของชาวไทยไปเรียบร้อยเเล้ว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ