กลุ่มเสี่ยงควรตรวจ “เบาหวาน” ก่อนสายเกินแก้

Home » กลุ่มเสี่ยงควรตรวจ “เบาหวาน” ก่อนสายเกินแก้
กลุ่มเสี่ยงควรตรวจ “เบาหวาน” ก่อนสายเกินแก้

โรคเบาหวาน หมายถึง โรคที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่าปกติอย่างต่อเนื่องและเรื้อรัง เกิดจากความผิดปกติของตับอ่อน ทำให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินได้น้อยกว่าปกติ หรือเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่

ปัจจัยเสี่ยงโรคเบาหวาน 

นพ.ธวัชชัย ภาสุรกุล อายุรแพทย์ ศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลนวเวช ได้กล่าวถึงปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานว่ามีหลายอย่าง และน้ำหนักของแต่ละอย่างก็ไม่เท่ากัน มีงานศึกษาปัจจัยเสี่ยงหลายๆ อย่างของเบาหวาน แล้วนำข้อมูลมาคำนวณเป็นคะแนนความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานในอนาคต ซึ่งสามารถใช้ทำนายความเสี่ยงในอีก 12 ปีข้างหน้าได้อย่างแม่นยำพอสมควรในคนไทย

518182

การแปลผลคะแนนความเสี่ยง คะแนนยิ่งสูง ความเสี่ยงยิ่งเพิ่มมากขึ้น คะแนนสูงสุดคือ 17 คะแนน ผู้ที่ต้องการจะรู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานมากน้อยแค่ไหนก็ลองทำตามตารางดู ถ้าได้ คะแนนตั้งแต่ 6 ขึ้นไป ควรจะไปตรวจเช็คเบาหวาน

ใครควรตรวจเบาหวาน

จากตารางข้างบนจะเห็นว่า เบาหวานมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง และแต่ละอย่างก็มีน้ำหนักไม่เท่ากัน แล้วในผู้ใหญ่ที่มีโอกาสเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 ได้ถึงมากกว่า 90% ควรจะคัดกรองเบาหวานเมื่อไร

  • ในประชากรทั่วไป ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน (ดัชนีมวลกาย >25 กก./ตร.ม. หรือ >23 กก./ตร.ม.ในคนไทย) ที่มีข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
  • มีประวัติเบาหวานในครอบครัว เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง สายตรง
  • มีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
  • เป็นความดันโลหิตสูง หรือรับประทานยารักษาอยู่
  • ผู้ที่มีไขมันผิดปกติ HDL 250 มก/ดล. หรือรับประทานยารักษา
  • ผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย
  • กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic ovarian syndrome) ในผู้หญิง
  • ผู้ที่มีลักษณะทางคลินิกที่เกิดร่วมกับ “ภาวะดื้อต่ออินซูลิน” (Insulin resistance) เช่น อ้วนมาก (severe obesity) acanthosis nigricans (รอยปื้นดำ หนา ขรุขระ ที่บริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ เป็นต้น)
  • เชื้อชาติที่มีความเสี่ยงสูง เช่น แอฟริกันอเมริกัน ละติน อินเดียนแดง กลุ่มชนหมู่เกาะแปซิฟิก เป็นต้น
  • ผู้หญิงที่อ้วน และวางแผนที่จะมีบุตร ควรตรวจเบาหวาน หรือภาวะก่อนเบาหวานด้วย 

บุคคลเหล่านี้ควรตรวจเบาหวานใน “ทุกอายุ”

  • ผู้ที่อยู่ในภาวะก่อนเบาหวาน (น้ำตาลสูงกว่าปกติ แต่ไม่ถึงเกณฑ์วินิจฉัยเบาหวาน)
  • HbA1c = 5.7-6.4%,
  • ค่าน้ำตาลหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมงขึ้นไป อยู่ระหว่าง 100-125 มก/ดล. (Impaired fasting glucose หรือ IFG คือน้ำตาลขณะอดอาหารบกพร่อง)

ควรได้รับการตรวจเบาหวาน “ทุกปี”

  • ผู้หญิงที่มีประวัติเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational diabetes mellitus) ควรตรวจเบาหวานตลอดไป อย่างน้อยทุก 3 ปี (กรณีที่ยังไม่เป็น)
  • ผู้ที่เป็นโรคเอดส์ (HIV)

ซึ่งถ้าตรวจแล้วปกติ ควรตรวจอย่างน้อยทุก 3 ปี หรือแล้วแต่ปัจจัยเสี่ยง และผลการตรวจ 

สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงในภาวะก่อนเบาหวานและเบาหวานประเภทที่ 2

  • ไม่มีใครทราบ “จุดเริ่มต้น” (onset) ของเบาหวาน จะเป็นเมื่อไร
  • ส่วนใหญ่ไม่มีอาการอะไร หรืออาการน้อยจนไม่ทราบว่า นั่นคืออาการของเบาหวาน
  • ถ้าชะล่าใจ หรือประมาท คิดว่าไม่เป็นอะไร อาจมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนทั้งเฉียบพลันและเรื้อรังได้
  • ถ้ารู้ตัวว่าเป็นภาวะก่อนเบาหวาน สามารถป้องกัน หรือชะลอการเป็นเบาหวานในอนาคตได้

ดังนั้น ไม่ควรละเลยความสำคัญของการตรวจเบาหวาน เพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคต ไม่ต้องกลัวถ้าจะต้องเป็น ดีกว่าเป็นโดยไม่รู้ ป้องกันดีกว่ารักษา ป้องกันไม่ให้เป็นเบาหวาน และป้องกันเบาหวานไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ