“กรุงเทพโพลล์” ปชช.เห็นโอกาสริเริ่มธุรกิจใหม่ ลดลงจากไตรมาสก่อน ไม่กล้าลงทุนเพราะข้าวของราคาแพง ไม่มีเงินทุน เปลี่ยนรัฐบาลเป็น “เศรษฐา” ยังมีผลต่อการตัดสินใจน้อย
กรุงเทพโพลล์ ร่วมกับคณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นประชาชนเรื่อง “คนไทยคิดอย่างไรกับโอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจ” ประจำไตรมาส3/2566 โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,080 คน โดยการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ระหว่างวันที่ 25 ก.ย.-4 ต.ค. ที่ผ่านมาโดยความเห็นเกี่ยวกับจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ (เจ้าของธุรกิจ) ประจำไตรมาส 3/2566 โดยเปรียบเทียบกับการสำรวจครั้งที่ผ่านมา (ช่วงเดือน มิ.ย. 2566) ในประเด็นต่างๆ พบว่า ประชาชน ร้อยละ 53.2 เห็นโอกาสหรือความพร้อมสำหรับการริเริ่มธุรกิจในอนาคตมากที่สุด (โดยลดลงร้อยละ 8.3) รองลงมา ร้อยละ 45.2 ตนเองมีความรู้ความสามารถรวมถึงทักษะและประสบการณ์ที่จำเป็นในการที่จะเริ่มทำธุรกิจใหม่ (ลดลงร้อยละ 3.6 ), ร้อยละ 41.9มีความตั้งใจที่จะประกอบธุรกิจ ในอนาคตข้างหน้า (ลดลงร้อยละ 13.7) และ ร้อยละ 63.5 เห็นว่าไม่อยากลงทุนทำธุรกิจเพราะกลัวความล้มเหลว (ลดลง ร้อยละ 4.7)
ทั้งนี้สาเหตุที่ไม่กล้าเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองมากที่สุด ร้อยละ 52.5 ปัญหาข้าวของราคาแพง ค่าครองชีพสูง, ร้อยละ 51.7 ไม่มีเงินทุนมากพอ, ร้อยละ 48.0 น้ำมันเชื้อเพลิงต่างๆ ราคาสูงขึ้น, ร้อยละ 43.0 กลัวล้มเหลว กลัวขาดทุน และ ร้อยละ 30.9 นโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าหลังได้ ครม. นายกฯ เศรษฐา มีผลมากน้อยเพียงใดต่อการตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจใหม่พบว่า ร้อยละ 71.4 เห็นว่ามีผลค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะที่ ร้อยละ 28.6 เห็นว่ามีผลค่อนข้างมากถึงมากที่สุดต่อการตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจใหม่