กระเช้ามาแล้ว! โผล่ขอโทษ ปิดหมายยึดบ้านผิดหลัง จำเลยตัวจริงอยู่โคราช อ้างชื่อเดียวกันมี 15 คน ยาย-ลูกเขย จ่อฟ้องกลับ ทำไมไม่ตรวจสอบก่อน
จากกรณี นางสมัย พิมเสน อายุ 66 ปี ชาว ต.หนองเยือง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ พร้อม นายเกริกโกวิท ชานันโท ลูกเขย เข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ หลังจากมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานบังคับ จ.บุรีรัมย์ นำหมายบังคับคดีเรื่องการยึดทรัพย์บ้านและที่ดิน มาปิดที่ประตูรั้วหน้าบ้าน พร้อมคำพิพากษาศาลที่ระบุว่า นางสมัย ตกเป็นจำเลย 1 ใน 5 ที่ถูกธนาคารแห่งหนึ่งเป็นโจทย์ฟ้องให้ชำระหนี้ พร้อมดอกเบี้ยรวมกว่า 12,450 บาท โดยเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้เป็นหนี้ธนาคาร และไม่เคยรู้จักกับจำเลยทั้ง 4 คน
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 10 มี.ค.65 ตัวแทนจากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมผู้แทนธนาคารที่เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่จากสำนักงานกฎหมายที่ได้รับมอบอำนาจจากธนาคาร ให้เป็นผู้นำยึดทรัพย์จำเลย ก็ได้มาพุดคุยชี้แจงกับนางสมัย และลูกเขย ที่เป็นผู้เสียหาย ที่สำนักงานบังคับคดี จ.บุรีรัมย์ โดยทางธนาคารก็ยอมรับว่าเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่สำนักกฎหมาย ที่ทำเรื่องนำยึดทรัพย์ผิดบ้านผิดคน
ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลหลักฐานต่างๆ แล้วพบว่า นางสมัย ไม่ใช่บุคคลที่ถูกธนาคารยื่นฟ้องและมีหมายยึดทรัพย์ โดยจำเลยตัวจริงที่เป็นหนี้ธนาคาร ถูกศาลพิพากษาให้ยึดทรัพย์ เป็นชาว อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา คาดว่าที่ทำเรื่องนำยึดผิดบ้านผิดคน เจ้าหน้าที่น่าจะไม่ได้ตรวจสอบให้รอบคอบ เพราะทั้งประเทศมีคนชื่อ สมัย พิมเสน ถึง 15 คน
ด้าน นางสมัย บอกว่า หลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มาพูดคุยชี้แจงและยอมรับว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่เอง ก็รู้สึกสบายใจขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้เครียดมาก ตอนนี้โล่งใจขึ้น เพราะทางบังคับคดีได้ถอนการยึดทรัพย์ให้แล้ว และได้นำกระเช้ามาขอโทษด้วย ส่วนเรื่องการชดเชยเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น ก็ยังรอดูอีกครั้ง
ทางด้าน นายเกริกโกวิท ลูกเขย บอกว่า กรณีดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่นางสมัย พิมเสน แม่ยาย โดยตรงไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพจิตใจ เสียหายอับอาย ทั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปโรงพัก และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์และความถูกต้อง ส่วนการพูดคุยวันนี้ก็ได้มีการยื่นข้อเสนอให้ธนาคารซึ่งเป็นโจทย์ยื่นฟ้อง แม่ยาย ได้จ่ายเงินชดเชยแก่ผู้เสียหาย 150,000 บาท
โดยทางตัวแทนธนาคารที่มาเจรจา ก็จะได้นำข้อเสนอดังกล่าวไปพูดคุยหารือกับทางผู้บริหารอีกครั้ง ว่าจะชดเชยตามข้อเสนอหรือไม่อย่างไรภายในระยะเวลา 7 วัน ซึ่งหากทางธนาคารพร้อมจ่ายชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบอย่างเป็นรูปธรรมและให้เกิดความถูกต้อง ทั้งแม่ยายที่มีชื่อตกเป็นจำเลย และตนเองในฐานะที่เป็นเจ้าบ้าน หลังที่ถูกนำหมายบังคับคดีไปปิดประกาศหน้าบ้าน ก็พร้อมจะยุติเรื่องไม่ดำเนินการฟ้องร้องใดๆ
แต่หากทางธนาคาร หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่แสดงความรับผิดชอบ ตามที่มีการเสนอหรือเรียกร้อง ทางแม่ยาย และตนเอง ก็คงต้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมายด้วยการยื่นฟ้องธนาคาร รวมถึงสำนักงานบังคับคดีจ.บุรีรัมย์ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ก่อให้เกิดความผิดพลาดจนสร้างความเสียหายแก่ผู้บริสุทธิ์ ที่ไม่ได้เป็นหนี้ธนาคารแต่กลับมีชื่อตกเป็นจำเลย และมีหมายบังคับคดีมายึดทรัพย์
ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้น ก็อยากฝากให้ทางธนาคาร สำนักงานบังคับคดี หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบมากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นหมายสืบทรัพย์ หรือหมายบังคับคดีต่างๆ ควรจะมีเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ประกอบมาด้วย หรือก่อนจะแปะหมายควรจะสอบถามให้ชัดเจนก่อน ก็คงจะไม่เกิดกรณีความผิดพลาดแบบนี้ขึ้น