'กระติก-เเซน' ร้องอัยการสูงสุด ขอสั่งคดีขึ้นศาลโดยเร็ว เตรียมฟ้องเท็จ-เอาผิด 2 คน

Home » 'กระติก-เเซน' ร้องอัยการสูงสุด ขอสั่งคดีขึ้นศาลโดยเร็ว เตรียมฟ้องเท็จ-เอาผิด 2 คน


'กระติก-เเซน' ร้องอัยการสูงสุด ขอสั่งคดีขึ้นศาลโดยเร็ว เตรียมฟ้องเท็จ-เอาผิด 2 คน

‘กระติก-เเซน’ ร้องอัยการสูงสุด ขอสั่งคดีขึ้นศาลโดยเร็ว เตรียมฟ้องเท็จ-เอาผิด 2 คน รวมถึงเอาผิดคนเข้ามาต่อว่าเสียหายอีกกว่า 10 รายด้วย

เมื่อวันที่ 7 ก.ค.65 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด แซนวิศาพัช มโนมัยรัตน์ และ น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด โดยมีนายกฤษฎา กสานติกุล รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้รับหนังสือ

นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ทนายความกระติก บอกว่า การยื่นหนังสือวันนี้เป็นความประสงค์ของผู้ต้องหาทั้งหมด และเป็นสิทธิที่จะร้องขอความเป็นธรรม เพราะอยากพิสูจน์ตัวเองต่อสังคมให้รับรู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดตามที่ถูกสังคมพิพากษามาหลายเดือน เมื่อช่วงเช้ายังไม่ได้ทราบว่าจะเลื่อนฟังคำสั่งเป็น 3 ส.ค.65 และมองว่าเป็นเรื่องดีที่ได้ยื่นหนังสือ เพื่อให้รับพิจารณาและให้เร่งรัดในการทำสำนวน เพื่อฟ้องผู้ต้องหาเองทั้งหมดโดยเร็ว เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและพิสูจน์กันในชั้นศาลว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด

นายวิวัฒน์ กล่าวว่า หากไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด ก็ไม่กังวลหากมีข้อหาอะไรเพิ่ม แต่อยากเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และอันไหนที่ให้ความร่วมมือได้ก็จะให้ แต่ถ้าอันไหนให้ความร่วมมือไม่ได้ก็ต้องสงวนไว้ และไม่ขอเปิดเผยในชั้นนี้ว่าอันไหนให้ความร่วมมือไม่ได้ ส่วนประเด็นที่สั่งสอบเพิ่มเติมไปก่อนหน้านี้ได้ให้ปากคำไปหมดแล้ว

นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความของแซน เปิดเผยว่า ที่มาร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ เนื่องจากคดีมีการเลื่อนฟังคำสั่งหลายครั้ง อยากให้เร่งรัดฟ้องคดีโดยเร็ว ผู้ต้องหาอยากเข้าพิสูจน์ในชั้นศาลโดยเร็ว จากที่ถูกสังคมพิพากษามา เลยขอให้พนักงานอัยการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด ส่วนจะโดนฟ้องข้อหาอะไรบ้าง เมื่อเราเป็นผู้บริสุทธิ์ เราก็ไม่หวั่น ส่วนประเด็นที่อัยกาาสั่งสอบเพิ่ม เราขอเรียนว่าอะไรที่ให้ความร่วมมือได้เราก็จะให้

นายพรศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนผู้ที่มีการนำคดีไม่ฟ้องอาจใช้สิทธิในการฟ้องกลับผู้ฟ้องเท็จที่ดำเนินการถอนฟ้อง โดยศาลจะพิจารณาอย่างไรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ การร้องขอความเป็นธรรมวันนี้ไม่ได้กล่าวโทษอัยการ แต่ผู้ต้องหามีสิทธิร้องขอความเป็นธรรม ให้ทำคดีโดยรวดเร็วเที่ยงธรรม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าทำไมผู้ต้องหาต้องถูกสั่งสอบเพิ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า ควรให้โอกาสและให้สิทธิบ้าง ดังนั้นเมื่อมากระทบสิทธิ ผู้ต้องหาจึงต้องออกมาปกป้องสิทธิ

นายพรศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการเตรียมฟ้องกลับ แม้ผู้เสียหายจะถอนฟ้องไปนั้น มองว่าเมื่อผู้ต้องหาถูกดำเนินการยื่นฟ้องที่เป็นเท็จ หรือไม่เป็นความจริง ในฝั่งผู้เสียหายที่ยื่นฟ้องเอง เมื่อฟ้องมาแล้วความผิดเกิดขึ้น ฝั่งผู้ต้องหามองว่าก็ต้องปกป้องสิทธิ แม้แม่แตงโมจะถอนฟ้องไปแล้ว แต่สิทธิยังมีอยู่ ซึ่งฝั่งผู้ต้องหาต้องฟ้องกลับกับคนที่ฟ้องเท็จ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใคร ส่วนศาลจะพิจารณาอย่างไรเป็นดุลยพินิจของศาล

“ยืนยันว่าหลังจากอัยการจังหวัดนนทบุรีมีคำสั่งสั่งฟ้องคนบนเรือออกมา จะใช้สิทธิอย่างเต็มที่ กับทุกๆคนทุกการกระทำผิด ต่างกรรมต่างวาระ ในสิทธิที่คนบนเรือถูกโดนละเมิด โดยหากสั่งฟ้องวันที่ 3 ส.ค. วันที่ 4-6 ส.ค.ก็จะยื่นฟ้องทันที ในข้อหาฟ้องเท็จ และ ม.181 ให้ผู้อื่นได้รับโทษหนักทางอาญาสูงสุดถึงประหารชีวิต กับบุคคลทั้งหมด 2 คน”

ด้านน.ส.อิจศรินทร์ ระบุว่า อยากให้ทุกคนใช้วิจารณญาณถึงคดีนี้ สำหรับการออกมาร้องขอความเป็นธรรมครั้งนี้ เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองตามรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อคดียังไม่เข้าสู่กระบวนการศาล แต่สังคมพยายามให้เราเป็นฆาตกรให้ได้ โดยที่ตำรวจก็ไม่ได้แจ้งข้อหาฆาตกรรม แต่กลับมีคนไม่พอใจ ทั้งที่ไม่มีหลักฐาน สำหรับเหตุผลที่ไม่ร้องขอความเป็นธรรมแต่แรก เพราะอัยการเลื่อนนัดฟังคำสั่งมาตลอด เป็นเวลาเนิ่นนานหลายเดือน และไม่เคยมีใครมาชี้แจงเหตุผล จนวันนี้ที่มีอัยการจังหวัดมาชี้แจง แต่เป็นเพียงเหตุผลส่วนหนึ่งเท่านั้น

“สังคมต้องรับผลของการกระทำ หากจะฟ้องร้อง ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อฟ้องร้องกับบุคคลที่เข้ามาต่อว่ารวมแล้วกว่า 10 ราย โดยหลังจากนี้คาดว่า อีก 3 คนบนเรือจะเข้ามายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมด้วย”

น.ส.อิจศรินทร์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่แม่ภนิดา ศิระยุทธโยธิน ถอนฟ้องคดีฆาตกรรม เพิ่งทราบข่าวเมื่อเช้านี้ ก็เป็นสิทธิของแม่ เราก็ตั้งรับว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ซึ่งต้องคุยกับทีมทนายอีกครั้ง ส่วนตัวอยากเป็นจำเลย ไม่ใช่มาขอตรวจสอบอีก เพราะโทรศัพท์เราไว้ใช้งานขาดไป 1 วันก็ร้อนใจ เพราะเป็นของจำเป็น ขณะนี้ประเด็นงอกมาไม่จบสิ้น ซ้ำซ้อน เรามีสิทธิปฏิเสธไม่ให้ตรวจดูโทรศัพท์ตามรัฐธรรมนูญ

แซน กล่าวว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลในโทรศัพท์มือถือเป็นวัตถุพยานแต่แรกแล้ว ขณะนี้มีแต่เรื่องส่วนตัว รู้สึกเบื่อกับคนที่ขุดคุ้ยซ้ำซาก ไม่จบสิ้น อยากให้ตำรวจดำเนินไปตามหลักการและเหตุผล ไม่ใช่ตามกระแสสังคม หลังจากนี้จะดำเนินการให้ถึงที่สุดกับคนที่ชอบละเมิด ขณะนี้มี 4 ราย หากผิดควรออกมาขอโทษ และเป็นตัวอย่างให้คนรุ่นหลัง พร้อมขอให้บุคคลที่ออกมากล่าวหาตนเอง เก็บหลักฐานทิพย์ไปโชว์ในเมืองทิพย์

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ