กรมเจ้าท่า ยัน ‘หาดบ้านกรูด’ ไม่โดนคราบน้ำมันรั่ว ตรวจสอบแล้ว เป็น ‘แพลงก์ตอนบลูม’

Home » กรมเจ้าท่า ยัน ‘หาดบ้านกรูด’ ไม่โดนคราบน้ำมันรั่ว ตรวจสอบแล้ว เป็น ‘แพลงก์ตอนบลูม’


กรมเจ้าท่า ยัน ‘หาดบ้านกรูด’ ไม่โดนคราบน้ำมันรั่ว ตรวจสอบแล้ว เป็น ‘แพลงก์ตอนบลูม’

กรมเจ้าท่า ยัน ‘หาดบ้านกรูด’ ไม่โดนคราบน้ำมันรั่ว ตรวจสอบแล้ว เป็นปรากฎการณ์ แพลงก์ตอนบลูม ทำให้น้ำทะเลเป็นสีเขียว เตือนอาจคันถ้าลงเล่นน้ำ

กรณีปรากฎภาพคราบน้ำมัน เกิดขึ้นในพื้นที่ ต.บ้านกรูด อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ นั้น สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาประจวบคีรีขันธ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบคราบดังกล่าว ปรากฏว่าไม่ใช่คราบน้ำมันที่รั่วไหลจากเหตุการณ์เรืออับปาง จ.ชุมพร

วันที่ 28 ม.ค.65 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาประจวบคีรีขันธ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบเป็นเพียงการเกิดแพลงก์ตอนบลูม ทำให้น้ำทะเลมีสีเขียวมีกลิ่นคาวคล้ายพืชทะเลเน่าเหม็น จากการตรวจสอบพื้นที่ชายหาดหลายๆพื้นที่ โดยรอบ พบการเกิดแพลงก์ตอนบลูมในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน กรมเจ้าท่า ได้ทำการประสาน ศรชล.จังหวัดประจวบฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าเป็นเพียงแพลงก์ตอนบลูม ไม่มีคราบน้ำมันปนเปื้อนแต่อย่างใด


แพลงก์ตอนบลูม เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นทุกปี โดยในระยะ 3 – 5 ปี ที่ผ่านสามารถพบเห็นได้ประจำ ปีละประมาณ 2 – 3 ครั้ง ในปี 2562 ที่ผ่านมาบริเวณชายหาดบางแสน ก็เคยประสบเหตุการณ์แพลงก์ตอนบลูม ส่งผลให้น้ำทะเลเปลี่ยนสีมาแล้วประมาณ 4 ครั้ง คือ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม กรกฏาคม และสิงหาคม โดยสาเหตุสำคัญมาจากการปล่อยน้ำเสียจากชุมชนลงสู่ทะเลจนทำให้แพลงก์ตอนได้รับสารอาหารและเกิดการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

เมื่อออกซิเจนในน้ำทะเลหมดลง แพลงก์ตอน จะตายจนทำให้น้ำทะเลกลายสีเขียว หรืออาจเป็นช่วงที่เปลี่ยนฤดูจึงเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้น น้ำทะเลที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือแพลงก์ตอนบลูมไม่เป็นอันตรายต่อผู้ที่ลงเล่นน้ำทะเล เพียงแต่อาจทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าลงเล่นน้ำ

เนื่องจากบางจุดจะมีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรง และหวั่นว่าจะเกิดผลกระทบต่อผิวหนัง หากบางคนผิวแพ้ง่ายอาจทำให้มีผื่นคันได้ อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์ดังกล่าวคาดว่าหากมีลมทะเลพัดแรงเพียง 4-7 วัน ก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ