กรมธรณี แจงข้อมูลแร่ทัลก์ในแป้งเด็ก ชี้ส่วนใหญ่ต้องนำเข้า ต้องสืบถึงกระบวนการผลิตปนเปื้อนแร่ใยหินได้อย่างไร หลังกัมพูชาสั่งห้ามนำเข้าจากไทย

จากกรณีสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค การแข่งขันและปราบปรามการฉ้อโกง (CCF) ของกัมพูชา ประกาศห้ามนำเข้าและจำหน่ายแป้งเด็กจากไทย หลังพบว่ามีการปนเปื้อนแร่ใยหิน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 25 ส.ค.65 นายสุวิทย์ โคสุวรรณ รองโฆษกกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า โดยปกติกระบวนการผลิตแป้ง จะมีส่วนผสมของแร่ทัลก์อยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่ใช้ในหลายประเทศทั่วโลก ถือเป็นกระบวนการผลิตตามมาตรฐาน ส่วนแร่ใยหินจะไม่ใช้ในกระบวนการผลิตแป้ง แต่จะนำไปใช้ผลิตเสื้อกันไฟ วัสดุกันไฟ ผ้าเบรค เป็นต้น เพราะมีคุณสมบัติทนต่อความร้อน ซึ่งไม่เกี่ยวกับกระบวนการผลิตแป้งแต่อย่างใด

นายสุวิทย์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่ทางกัมพูชาแจ้งว่ามีแป้งเด็กที่ผลิตในไทยปนเปื้อนแร่ใยหิน ต้องไปตรวจสอบถึงกระบวนการผลิตว่าปนเปื้อนได้อย่างไร เนื่องจากแหล่งกำเนิดของแร่ทัลก์ และแร่ใยหิน เป็นคนละแหล่งกัน ซึ่งในประเทศไทยไม่มีแร่ใยหินอยู่แล้ว ส่วนแร่ทัลก์จะพบที่ จ.อุตรดิตถ์ พบอัตราการผลิตค่อนข้างน้อย จึงคาดว่าส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตามในการผลิตแป้งเด็กในไทยเชื่อว่ามีมาตรฐานการผลิตอยู่แล้ว ส่วนการปนเปื้อนคงต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ เพราะอาจทำให้ผู้บริโภควิตกกังวลได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ ระบุว่าในปี 2563 มีการนำเข้าแร่ทัลก์ จำนวน 143,640 ตัน/ปี ส่วนการผลิตแร่ทัลก์ในไทย จำนวน 6,624 ตัน/ปี หรือร้อยละ 4.6% ของการนำเข้าเท่านั้น