‘กรมทะเลชายฝั่ง’ สัญจรพบปะพี่น้องเครือข่ายทางทะเล ครั้งที่ 3 ชุมชนอ่าวไทยตัว ก เสริมสร้างความรู้ใหม่ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้ก้าวทันอนาคต
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่หอประชุมอบต.พันท้ายนรสิงห์ ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นประธานจัดการประชุมเครือข่ายภาคีชุมชนชายฝั่ง อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล (อสทล.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครั้งที่ 3
โดยการจัดประชุมในครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างกองจัดการชุมชนชายฝั่งและเครือข่าย (กจช.) สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 8 (สมุทรสาคร) และจ.สมุทรสาคร โดยมีดร.แสงจันทร์ วายทุกข์ ผอ.กองจัดการชุมชนชายฝั่งและเครือข่าย พร้อมด้วยนายเกรียง มหาศิริ ผอ.สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 8 และนายวัฒนา พรประเสริฐ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร ตลอดจนผู้แทนจากอปท. ผู้ทรงคุณวุฒิด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ จ.สมุทรสาคร และจ.สมุทรสงคราม เข้าร่วมประชุม 130 คน
นายอภิชัย กล่าวว่า จากสถานการณ์ทรัพยากรทะเลทางและชายฝั่งของประเทศไทยเริ่มเกิดความเสื่อมโทรมอยู่ในขั้นตอนที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้มีแนวคิดให้ชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลเข้ามามีบทบาทในการอนุรักษ์ ปกป้อง คุ้มครอง ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ร่วมกับภาครัฐ ตลอดจนให้ความสำคัญต่อมาตรการ กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้เป็นไปตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน ผนวกกับแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต ที่มีการบูรณาการเป้าหมาย Net Zero เข้าสู่นโยบายระดับชาติ เร่งรัดการจัดทำพ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประกอบด้วย 8 หมวด 59 มาตรา ที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการคาดการณ์ และประเมินความเสี่ยงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นำมาจัดทำแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตลอดจนปรับโครงสร้างของกระทรวงฯ ให้รองรับการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งการออกระเบียบส่งเสริมการปลูกป่า และการแบ่งปันคาร์บอนเครดิตระหว่างภาครัฐ ร่วมกับภาคเอกชนและชุมชน
นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดทส. กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามนโยบายและติดตาม เร่งรัดการปฏิบัติงานที่มุ่งเน้นให้คนในชุมชนชายฝั่งได้มีส่วนร่วมในการรับรู้ ร่วมวางแผน และร่วมปฏิบัติ อีกจนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สามารถขจัดความขัดแย้งเพิ่มความรักและความหวงแหนให้กับทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่ง ป่าชายเลน รวมถึงสัตว์ทะเลหายาก และร่วมหารือกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการรุกล้ำพื้นที่ป่าชายเลน พร้อมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ผ่านกลไกความเห็นชอบจากคณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผสานกับการใช้กฎหมายของกรมทะเลและชายฝั่งเข้ามามีบทบาทสำคัญในการปกป้องและคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้ยั่งยืนต่อไป
นายอภิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม มีเครือข่ายชุมชนชายฝั่ง รวม 22 กลุ่ม/602 คน และอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล รวม 2,066 คน โดยส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพประมง การแปรรูปสินค้าทะเล และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซึ่งเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนชายฝั่งด้วยการนำทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนมาพัฒนาสร้างมูลค่าผ่านกระบวนการต่างๆ ได้แก่ การจัดสร้างแนวเขตอนุรักษ์ การสร้างธนาคารสัตว์น้ำ การวางซั้งประเภทต่างๆ และการทำธุรกิจโฮมสเตย์เยี่ยมชมวิถีชีวิตชุมชนในพื้นที่
ทั้งนี้ การประชุมในครั้งที่ 4 กรม ทช. จะลงพื้นที่ไปยังจังหวัดเพชรบุรี อย่างไรก็ตาม การทำงานร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน ต้องคำนึงถึงช่องทางการติดต่อสื่อสารที่เข้าถึงง่าย ตลอดจนมีฐานข้อมูลเครือข่ายฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักงานฯ ในแต่ละพื้นที่ จะต้องใกล้ชิดกับผู้นำชุมชนชายฝั่ง เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยหัวใจหลักของการทำงานด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วมคือ “ความจริงใจ รับฟังความคิดเห็น เอื้อเฟื้อ พร้อมช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหา” อันจะนำไปสู่ความไว้วางใจ และทัศนคติที่ดีของเครือข่ายชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล
นอกจากนี้ กรม ทช. พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนตามนโยบายหลักของกระทรวงฯ อีกทั้งดำเนินงานในด้านต่างๆ อาทิ การจัดทำแผนงานของเครือข่ายชุมชนเพื่อเสนอกองทุนสิ่งแวดล้อมพิจารณา การจัดสรรงบประมาณผู้ที่มีเอกสารสิทธิ์ การปรับภาษีที่ดินให้เป็นแปลงเกษตรกรรมภาษีราคาต่ำ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลนให้เสียภาษีในราคาถูก ตลอดจนสนับสนุนสวัสดิการและจัดสรรงบประมาณโครงการของเครือข่ายชุมชนชายฝั่ง และการขึ้นทะเบียนป่าชายเลนชุมชน เพื่อให้พี่น้องเครือข่ายชุมชนชายฝั่งได้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแล รักษาทรัพยากรป่าชายเลนในพื้นที่บ้านของตนเองให้สมบูรณ์ต่อไป