‘กรณ์’ แฉซื้อเสียงกันโจ๋งครึ่ม สูงสุดหัวละ 3,000 บาท ไม่มีใครเอาผิดได้ หวั่นอำนาจเงินสกัดคนดีทำงานการเมือง จี้ผู้มีอำนาจควรมีมาตรการควบคุม
เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2565 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงข้อเสนอแก้ไขร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ที่มีข้อเสนอใน 2 แนวทาง คือการใช้เบอร์เดียวกันทั่วประเทศกับหนึ่งเขตหนึ่งเบอร์ ว่า ขอให้ยึดหลักประชาชนเป็นที่ตั้ง หากแต่ละพรรคมีเบอร์เดียวกันหมดจะง่ายที่สุด ประชาชนไม่สับสน และในอดีตเมื่อปี 48 ก็ใช้บัตร 2 ใบ เบอร์เดียวทั่วประเทศ
นายกรณ์ ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมว่า พรรคกล้าส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมทั้ง 3 เขต คือ กทม. ชุมพร และสงขลา ยอมรับว่าต่างจังหวัดมีอิทธิพลเรื่องเงินอย่างมหาศาล ทำให้อดกังวลไม่ได้ว่าการใช้เงินจำนวนมาก โดยไม่มีใครสามารถเอาผิดกับใครได้ เป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ ความตั้งใจ และความต้องการตามระบอบประชาธิปไตยของพี่น้องประชาชน คนดีเข้ามาทำงานการเมืองยากขึ้น
“ขอฝากถึงผู้มีอำนาจ ขอให้ใส่ใจในเรื่องนี้ จากการลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน พบว่ามีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ สมัยก่อน 50-100 บาท เดี๋ยวนี้ 2,000-3,000 บาท ที่ผ่านมาพบเยอะมาก ขอให้สื่อลงไปพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จะทราบข้อเท็จจริง ว่ามีการใช้เงินมากขึ้น และโจ่งแจ้งมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังไม่มีใครมีมาตรการลงไปปราบปรามหรือแก้ไข”
นายกรณ์ กล่าวต่อว่า หากพูดถึงคุณภาพผู้สมัคร ข้อเสนอทางนโยบาย กระแสความต้องการของคนในพื้นที่เราไม่มีอะไรกังวล แต่กังวลเรื่องอำนาจเงิน และการใช้อำนาจรัฐ ที่สามารถทำให้เจตนาและความต้องการของประชาชนเปลี่ยนไปในแนวทางที่ไม่ได้เป็นคุณต่ออนาคตของประชาชน รัฐควรออกมามีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ควรออกมาสื่อสารและมีมาตรการการควบคุมที่ดีกว่า อย่างไรก็ตามประชาชนตัดสินใจเองได้ดีกว่า หากใครเสนอเงินมา เริ่มต้นด้วยความผิดกฎหมาย ไม่ดีแน่นอน จึงเชื่อว่าประชาชนมีคำตอบอยู่แล้ว เลือกคนที่เราอยากได้ เลือกความเปลี่ยนแปลง เลือกการทำงานการเมืองแนวสร้างสรรค์เข้ามา
ด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า และว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมเขต หลักสี่-จตุจักร กล่าวว่า ในฐานะเลขาธิการพรรคฯได้ติดต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ไปแล้ว ว่าต้องมีการปลูกฝังค่านิยม โดย กกต. น่าจะสร้างแคมเปญ สร้างค่านิยมว่าหากมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง อย่าไปเลือก
