จากกรณี นโยบายรัฐบาล แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อหวั่งกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ กลายเป็นกระแสดราม่า มีทั้งกลุ่มบุคคลที่เห็นด้วย และกลุ่มบุคคลที่ไม่เห็นด้วย ล่าสุด นายกรณ์ จาติกวณิช ชำแหละอธิบายนโบายนี้ว่า “ว่าด้วยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ กับ ภาระทางการคลัง” ระหว่างที่ถกเถียงกันเรื่องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงินดิจิทัล 10,000 บาท ขอให้สังเกตประมาณการสถานะทางการเงินล่าสุดของประเทศให้ดีครับ
กระทรวงการคลังเสนอประมาณการชุดนี้ในการประชุมครม.แรกของรัฐบาลเศรษฐา สำหรับใครที่ไม่ชอบดูตารางข้อมูลแบบนี้ ผมขอสรุปประเด็นสำคัญให้ดังนี้
1. รายได้รัฐบาลเพิ่มขึ้น
2. แต่รายจ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่า
3. รัฐบาลเลยจะขาดดุลมากขึ้น (3% ของ GDP จากที่เดิมคาดว่าจะลดลงเหลือ 2.8% ในปีหน้า)
4. ในขณะที่เศรษฐกิจโตช้ากว่าที่คาดไว้เดิม
5. ดังนั้นสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP จึงสูงขึ้นมาก (64% vs. เดิม 61.35%)
- กิตติศักดิ์ ติดใจ! ทำไม นโยบายแจก ‘เงินดิจิทัล’ ไม่แจกเงินสด
- สว.คำนูณ จี้ นโยบายแจกเงินดิจิทัล เหมือนโครงการจำนำข้าว
- สว. ลั่น! บอกเงินดิจิทัลให้คนอายุ 16 ปีขึ้นไป แล้วอายุ 15 ไม่กินข้าวหรือ?
แล้วไง? ประมาณการใหม่นี้กำลังสร้างความกังวลให้นักเศรษฐศาสตร์อย่างมาก เพราะอะไร? เพราะทุกอย่างมีต้นทุน คือมี ‘ราคาที่ต้องจ่าย’ ซึ่งราคาที่ว่านี้ปรากฏชัดเจนในส่วนของต้นทุนดอกเบี้ยของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น อย่างอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล 10ปี ทะลุ 3% ไปแล้ว เพิ่มขึ้นมากว่า 50bps ในช่วงไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา และประมาณการนี้ยังไม่ได้รวมนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล ซึ่งอย่างไรรัฐบาลก็ต้องกู้ หรือยืมรัฐวิสาหกิจมาแจก
วันนี้ หนี้รัฐบาลมีอยู่ 11 ล้านล้านบาท รัฐบาลต้องออกพันธบัตรใหม่มาชำระชุดเก่าตลอดเวลา ซึ่งต้นทุนก็จะมีแต่สูงขึ้น เป็นภาระต่องบประมาณมากขึ้น แนวโน้มดอกเบี้ยเราจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยหลากหลายปัจจัย เช่นการส่งออกที่ซบเซา ราคานํ้ามันโลกที่สูงขึ้น รวมไปถึงรายจ่ายภาครัฐจากนโยบาย “กระตุ้นเศรษฐกิจ” ของรัฐบาลใหม่ จุดแข็งของไทยเราคือ เราแทบไม่มีหนี้สกุลเงินต่างประเทศ แต่อย่างไรเราก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจของโลก ไม่ระวังไม่ได้ครับ
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY