กฟน.ปูพรมตรวจ หม้อแปลงไฟฟ้า450ลูก พื้นที่ชั้นในกทม. เกาะรัตนโกสินทร์ เขตพระนครสร้างความมั่นใจ หลังเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้สำเพ็ง
วันที่ 7 ก.ค.2565 การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ลงพื้นที่ตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้า ในกลุ่มหม้อแปลงวงจรตาข่าย (Network Transformer) อีก 450 ลูกในพื้นที่เมืองชั้นใน เกาะรัตนโกสินทร์ เขตพระนคร กทม. เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับประชาชน หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ย่านสำเพ็ง เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กฟน.ได้ดำเนินการดูแลระบบจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่กทม. นนทบุรี และสมุทรปราการ โดยได้กำหนดมาตรฐานวิศวกรรมในการบำรุงรักษาอุปกรณ์จำหน่ายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยใช้วิธี Dissolved Gas Analysis (DGA) หรือการวิเคราะห์ก๊าซที่ละลายในน้ำมัน เพื่อตรวจหาความผิดปกติของหม้อแปลงไฟฟ้า เสมือนการตรวจเลือดของมนุษย์เพื่อตรวจสอบสุขภาพ
โดยจะสามารถตรวจวัดค่าความชื้น ค่าก๊าซไฮโดรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ เอทิลีน อีเทน มีเทน และอะเซทิลีน เป็นต้น หากพบความผิดปกติก็จะวิเคราะห์หาสาเหตุได้อย่างแม่นยำ สามารถซ่อมบำรุง หรือเปลี่ยนหม้อแปลงไฟฟ้าลูกนั้นๆ ได้ในทันที มีกำหนดการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2565 ที่ผ่านมา แล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.2565
ขณะเดียวกัน กฟน.จะดำเนินการตรวจสอบด้วยรูปแบบ Standard Check กับหม้อแปลงไฟฟ้าของ กฟน.ซึ่งมีทั้งสิ้นประมาณ 67,000 ลูกในพื้นที่ กทม. นนทบุรี และสมุทรปราการ เริ่มต้นระยะที่ 1 จากการตรวจสอบควบคู่กับการทดสอบ DGA ในพื้นที่เมืองชั้นใน และพื้นที่ติดตั้งหม้อแปลงใกล้แหล่งชุมชนประมาณ 18,000 ลูก มีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 4 เดือน ถือเป็นมาตรการเร่งด่วนที่ทำเพิ่มเติม
จากการตรวจประจำปี โดยการตรวจสอบด้วยกล้องวัดอุณหภูมิ Thermo Scan เพื่อหาค่าความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นผิดปกติ ตรวจสอบการทำงานของระบบป้องกันในหม้อแปลงไฟฟ้า รวมถึงการตรวจสอบค่ากระแสไฟฟ้า แรงดันไฟฟ้า จุดเชื่อมต่ออุปกรณ์ และระบบสายดิน
เพื่อประเมินประสิทธิภาพการจ่ายไฟฟ้าของหม้อแปลงไฟฟ้าแต่ละลูก ประเมินความปลอดภัยตลอดอายุการใช้งาน ตลอดจนการเพิ่มนวัตกรรมระบบควบคุมและติดตามการทำงานของหม้อแปลงไฟฟ้า (Online Transformer Control & Monitoring System) มาใช้เสริมความปลอดภัยจากการทำงานของหม้อแปลงไฟฟ้าได้มากยิ่งขึ้น