ปลัดกระทรวงพลังงาน เผย กบง. ไฟเขียวคงราคาแอลพีจี 318 บาทต่อถัง 15 กก. ต่อไปจนถึง 31 มี.ค. 65 ส่วนเอ็นจีวี คงราคาเดิมถึง 15 มี.ค. 65
วันที่ 11 ม.ค.2565 นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ด้านพลังงานโลกยังมีความผันผวน ราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas: LPG) หรือก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี ตลาดโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดย ณ วันที่ 5 มกราคม 2565 อยู่ที่ 682.90 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน เทียบได้กับราคาขายปลีกแอลพีจีที่ 412 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม
อย่างไรก็ตามรัฐบาลยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งยังส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพและภาระค่าครองชีพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมปัญหาและดูแลประชาชนไม่ให้รับความเดือนร้อนในเรื่องแอลพีจี ที่ประชุม กบง. จึงมีมติเห็นชอบการทบทวนการกำหนดราคาแอลพีจี โดยให้คงราคาไว้ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ไปถึงวันที่ 31 มี.ค.2565
โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ ฝ่ายเลขานุการฯ ประสานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เพื่อพิจารณาบริหารจัดการเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับแนวทางการทบทวนการกำหนดราคาแอลพีจีต่อไป และขอความร่วมมือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พิจารณาช่วยเหลือส่วนลดราคาแอลพีจีแก่ผู้มีรายได้น้อยที่เป็นร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหารผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ ปตท. ดำเนินการต่อไปจนถึง วันที่ 31 มี.ค.2565
ที่ประชุม กบง. ยังมีมติเห็นชอบการบรรเทาผลกระทบจากราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (Natural Gas for Vehicles:NGV หรือเอ็นจีวี ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยขอความอนุเคราะห์ ปตท. คงราคาขายปลีกเอ็นจีวีที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม และคงราคาขายปลีกเอ็นจีวี โครงการ “เอ็นจีวี เพื่อลมหายใจเดียวกัน” ให้กับผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัมต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 1 เดือน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.2565 -15 มี.ค.2565