“สุพัฒนพงษ์” เผยมติ กบง. คลอด 2 มาตรการเพื่อลดผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงในช่วงนี้ ไฟเขียวให้กลับมาขายดีเซล 3 ชนิด พร้อมกับตรึงราคาไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท จ่อกู้เงิน 2 หมื่นล้าน พยุงกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
วันนี้ (20 ต.ค.) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบให้ต้นทุนราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มดีเซลในประเทศสูงกว่า 30 บาทต่อลิตร ที่ประชุม กบง.จึงมีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ กบง.เห็นชอบ 2 แนวทางหลังจากมาตรการเดิมจะสิ้นสุดในช่วงสิ้นเดือน ต.ค. นี้ โดยแนวทางที่ 1. ให้ผู้ค้าน้ำมันกลับมาจำหน่ายน้ำมันกลุ่มดีเซลเป็น 3 ชนิดเหมือนเดิม คือ ดีเซลธรรมดา ดีเซล B7 และ ดีเซล B20 มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 64 เป็นต้นไป
และ 2. ให้ตรึงราคากลุ่มดีเซลไว้ไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ประมาณ 9,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดูแลราคาได้ 3-5 เดือนหลังจากนี้ หากราคาน้ำมันดิบโลกไม่สูงเกิน 85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยปัจจุบันราคาน้ำมันดิบโลกขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 81-83 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า มติของ กบง.กำหนดให้มีน้ำมันกลุ่มดีเซล 3 ชนิด คือ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B7 น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 พร้อมทั้งให้กำหนดส่วนต่างราคาดีเซล B7 กับน้ำมันดีเซลธรรมดา ที่ 0.15 บาทต่อลิตร และส่วนต่างราคาดีเซล B7 กับ B20 อยู่ที่ 0.25 บาทต่อลิตร โดยยังคงค่าการตลาดกลุ่มน้ำมันดีเซลไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร
พร้อมทั้งเห็นชอบแนวทางดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ในปัจจุบัน (ณ วันที่ 17 ต.ค. 64 มีฐานะเงินกองทุนฯ อยู่ที่ 9,207 ล้านบาท) ในการรักษาระดับราคาขายปลีกดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร รวมถึงกู้ยืมเงินเพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซล
ทั้งนี้ หากในกรณีราคาน้ำมันดิบดูไบเกิน 87.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรือสถานะกองทุนน้ำมันฯ ไม่เพียงพอ ก็จะประสานกระทรวงการคลังเพื่อปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตเป็นลำดับต่อไป
นอกจากนี้ นายสุพัฒนพงษ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม กบง.ได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ออกประกาศ เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล พ.ศ. .… มอบสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ประสานสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) นำเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) พิจารณาปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซล ให้ส่วนต่างราคาขายปลีกของน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลเป็นไปตามกำหนด
และมอบหมาย สนพ. ประสาน สกนช. นำเสนอ กบน. ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการบริหารจัดการอัตราเงินกองทุน เพื่อให้ค่าการตลาดของน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลแต่ละชนิด ไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 64 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวน หลังแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี โดยได้รับแรงกดดันจากตัวเลขภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจด้วยการเตรียมเปิดประเทศในหลายประเทศ รวมทั้งวิกฤตการณ์ด้านก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น
ดังนั้น กระทรวงพลังงานจะติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมในการออกมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน ทั้งด้านน้ำมัน ด้านก๊าซปิโตรเลียวเหลว ด้านไฟฟ้า ให้ได้รับความเป็นธรรมเหมาะสมต่อไป
ส่วนข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการรถบรรทุกที่ต้องการให้ราคาน้ำมันดีเซลลดลงเหลือไม่เกิน 25 บาท/ลิตร นั้น ทางกระทรวงพลังงานไม่สามารถรับปากได้ และ กบง.เลือกที่จะช่วยโดยดูระบบเศรษฐกิจภาพรวมเป็นหลัก ขณะที่ความเดือดร้อนอื่นๆ ก็จะหามาตรการอื่นๆ มาเสริมต่อไป
ทั้งนี้ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกด้วยว่า ยอมรับว่าไม่สามารถจับทิศทางราคาน้ำมันโลกได้ และมีการผันผวนขึ้นลงบ่อยครั้งในช่วงนี้ แต่ กบง.คาดว่าราคาน้ำมันโลกจะทยอยอ่อนตัวลง เนื่องจากสภาพอากาศหนาวน้อยลง และยืนยันว่ารัฐบาลพยายามดูแลราคาน้ำมันกลุ่มดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร เพื่อช่วยเหลือประชาชนต่อไป
แต่ขณะเดียวกันก็ขอส่งสัญญาณไปถึงประชาชนให้ช่วยกันประหยัดพลังงาน เนื่องจากขณะนี้ก๊าซธรรมชาติสำหรับผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอ และได้เริ่มนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มาใช้แล้ว 20% ของปริมาณความต้องการทั้งหมด และมีแนวโน้มที่ต้องนำเข้าถึง 30% ในอนาคต จากเดิมที่ไทยมีแหล่งก๊าซฯ ในอ่าวไทย แต่ปัจจุบันปริมาณลดลงตามอายุการใช้งานกว่า 30 ปี ขณะที่ราคาก๊าซ LNG กลับสูงขึ้นมากถึง 35-38 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู ซึ่งจะมีผลกระทบต่อค่าไฟโดยรวม แต่ขณะนี้กระทรวงพลังงานยังดูแลและตรึงค่าไฟไว้ ดังนั้นจึงขอให้ช่วยกันประหยัดพลังงาน
พร้อมกันนี้ กบง.ยืนยันจะดูแลราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ที่ราคา 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ต่อไปอย่างน้อยจนถึง ม.ค. 65 แม้ราคา LPG โลกจะปรับตัวสูงขึ้นเช่นกันก็ตาม
ขณะที่ นายนายกุลิส สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เตรียมหารือผู้ประกอบการน้ำมันในวันนี้ (20 ต.ค.) หลังการประชุม กบง. เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือประชาชนไม่ให้ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมามากเกินไป โดยจะขอความร่วมมือให้ดูแลค่าการตลาดไว้ระดับเดิมที่ 1.40 บาทต่อลิตรต่อไปก่อน พร้อมกันนี้จะเริ่มกระบวนการกู้เงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ไม่เกิน 20,000 ล้านบาท โดยเตรียมประสานกระทรวงการคลังเพื่อบรรจุการกู้เงินไว้ในแผนการก่อหนี้สาธารณะก่อน