กทม. เปิดศูนย์ฯ ‘โคก หนอง นา’ ลาดกระบัง ปรับพื้นที่ว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์

Home » กทม. เปิดศูนย์ฯ ‘โคก หนอง นา’ ลาดกระบัง ปรับพื้นที่ว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์


กทม. เปิดศูนย์ฯ ‘โคก หนอง นา’ ลาดกระบัง ปรับพื้นที่ว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์

กทม. เปิดศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ โคก หนอง นา เขตลาดกระบัง ใช้พื้นที่ว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์ตามศาสตร์พระราชา

เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่สำนักงานเขตลาดกระบัง นายณรงค์ เรืองศรี รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ขณะนี้เขตลาดกระบัง ได้เปิดศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ โคก หนอง นา เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชา “โคก หนอง นา โมเดล” อันเป็นพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

สำหรับศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ โคก หนอง นา เขตลาดกระบัง เป็นการนำพื้นที่ว่างเปล่ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยเขตลาดกระบัง ร่วมกับเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชน จัดสร้างศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชา “โคก หนอง นา โมเดล” อันเป็นพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ด้านเกษตรทฤษฎีใหม่

ในการบริหารจัดการน้ำและกิจกรรมทางการเกษตร ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร ในพื้นที่ 1 ไร่ 2 งาน ภายในพื้นที่สำนักงานเขตลาดกระบัง ซึ่งได้จัดสรรพื้นที่ในการใช้ประโยชน์

ประกอบด้วย 1. นาข้าว ทำการปลูกข้าวนาโยน ได้รับการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมปทุมธานี 1 อายุเก็บเกี่ยว 120 วัน จากศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชน 8 แขวงทับยาว ซึ่งผู้บริหารเขตลาดกระบังได้ร่วมกันโยนกล้า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.64 คาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวในประมาณวันที่ 15 ก.พ.64 โดยเมล็ดพันธุ์ที่ได้จะนำไว้เป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูกต่อไป

2. บ่อเลี้ยงปลา 2 บ่อ และคลองเชื่อมระหว่างบ่อ เป็นหนึ่งในพื้นที่หนองน้ำที่มีประโยชน์ในการเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง ซึ่งได้รับการสนับสนุนพันธุ์ปลาจากสำนักงานประมงพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 5,000 ตัว และอาหารปลาจากศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ประจำแขวงคลองสองต้นนุ่น

3. แปลงพืชผักสวนครัวรั้วกินได้เน้นพืชผักที่ใช้บริโภคในครัวเรือนเหลือสามารถแบ่งปันและจำหน่ายได้ เช่น ผักคะน้า พริก กะเพรา สะระแหน่ ผักบุ้ง เป็นต้น 4. โรงเรือนเพาะเห็ดนางฟ้า จำนวน 500 ก้อน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตและจำหน่ายได้ประมาณ 200 กิโลกรัมและยังคงเก็บได้ต่อเนื่องประมาณ 4-6 เดือน

5.โรงเรียนเลี้ยงไก่ไข่และนกกระทา เพื่อเป็นต้นแบบให้เกษตรกรและผู้สนใจได้เลี้ยงสัตว์เพื่อลดรายจ่าย และเสริมอาหารโปรตีนในครอบครัว 6.การเพาะเลี้ยงไส้เดือน การทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพ เพื่อนำเศษวัชพืชและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาใช้ให้เกิดประโยชน์และลดต้นทุนรวมถึงลดการใช้สารเคมีในทางการเกษตร

อย่างไรก็ตาม ศูนย์การเรียนรู้ดังกล่าว เป็นการผสมผสานภูมิปัญญาพื้นบ้านให้สอดคล้องกับธรรมชาติในพื้นที่ ซึ่งนักเรียน เกษตรกรและประชาชน สามารถเข้ามาศึกษาเรียนรู้ด้านการเกษตรได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นแปลงข้าวนาโยน บ่อเลี้ยงปลา แปลงพืชผัก โรงเรือนเลี้ยงไก่ เลี้ยงนกกระทา การเพาะเห็ด การนำพืชผักและวัสดุเหลือใช้มาใช้ เพาะเลี้ยงไส้เดือน ทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพ

ซึ่งในแต่ละฐานกิจกรรมทำให้ผู้เข้ามาศึกษาสามารถนำไปปรับใช้กับสภาพพื้นที่ได้ตามความเหมาะสม และยังนับได้ว่าศูนย์เรียนรู้ฯแห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในเขตลาดกระบังที่ผู้มารับบริการภายในสำนักงานเขตต้องแวะมาเยี่ยมเยียนและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ