“บิ๊กก้อง” ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เผยว่า ในซีเกมส์ครั้งนี้กีฬาหลักๆที่มีจัดแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ของเราพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกรีฑา และว่ายน้ำ อย่างไรก็ตามบางชนิดกีฬาก็ต้องกลับมาทำการบ้าน ทบทวน แล้วก็หลังจากนี้ จะเชิญผู้บริหารแต่ละสมาคม มาสรุป ต่อยอด เพื่อเตรียมไปซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา ในปีหน้า
บิ๊กก้อง เผยอีกว่า ในซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา เรายังคงเต็มที่กับงบประมาณ แต่ก็ยังมีจำกัด เพราะฉะนั้นต้องใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด อีกทั้งยังต้องขึ้นอยู่กับสมาคมด้วย อย่างบางสมาคมที่เขาเตรียมการดีๆ เขาเตรียมถึง 6 เดือน บางสมาคมไม่ถึง เพราะติดแข่ง นั่นเป็นข้อจำกัด ที่เราต้องคุยกับสมาคม ว่าขอให้ความสำคัญด้วย เพราะพี่น้องประชาชน คิดว่ายังไงซีเกมส์ ก็เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี เป็นการสร้างพื้นฐานไปเอเชียนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ ด้วย
“แน่นอนว่าซีเกมส์ ครั้งหน้า จำนวนนักกีฬาจะเพิ่มขึ้น หลังจากที่ในครั้งนี้เรามีการตัดงบประมาณ และจำนวนนักกีฬาออกเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับ ชนิดกีฬาที่จัด ซึ่งกีฬาในโอลิมปิกเราจะพยายามเน้นที่สุด เพิ่มนักกีฬาในชนิดกีฬาสากล ให้มากที่สุด”
ผู้ว่าการกกท. กล่าวต่อว่า ซีเกมส์ ที่เวียดนาม ครั้งนี้ มีข้อจำกัดหลายอย่าง ในสถานการณ์โควิด-19 เช่นนี้ ทำให้เราเห็นความไม่พร้อมต่างๆ แต่เราจะเอาข้อบกพร่องเหล่านี้ มาปรับใช้ใน ซีเกมส์ 2025 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ เราจะนำมาเป็นบทเรียน และเรามั่นใจว่าจะยกระดับ ให้รู้ว่า ซีเกมส์ เป็นกีฬาที่ได้มาตรฐานสากล ไม่ใช่กีฬา ปาหี่ ไร้มาตรฐาน ซึ่งไม่ใช่แนวคิดของ กกท. ฝ่ายเดียว แต่คณะกรรมการโอลิมปิคไทย ก็มีความตั้งใจ อยากให้ซีเกมส์มีความเป็นกีฬาสากลมากขึ้น