ไอเอ็มเอฟ ระบุ แนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะ “มืดมน” กว่าที่คาดการณ์
วันที่ 14 พ.ย. รอยเตอร์ รายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ระบุเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ย.ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะมืดมนกว่าที่คาดการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว โดยอ้างอิงการถดถอยอย่างต่อเนื่องในดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ไอเอ็มเอฟกล่าวโทษแนวโน้มที่มืดมนของนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งเกิดจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่องและเป็นวงกว้าง ความเคลื่อไหวของการเติบโตที่อ่อนแอในจีน และการชะงักของอุปทานอย่างต่อเนื่องและความไม่มั่นคงด้านอาหารที่เกิดจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
ไอเอ็มเอฟปรับลดตัวเลขการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกปี 2023 ลงจากเดิม 2.9% เป็น 2.7%
ไอเอ็มเอฟระบุในเว็บบล็อกสำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำจี 20 ในอินโดนีเซียว่า ดัชนีบ่งชี้ที่มีความถี่สูงเมื่อเร็วๆ นี้ ยืนยันว่า แนวโน้มเศรษฐกิจมืดมนลงโดยเฉพาะอย่างในยุโรป โดยดัชนีพีเอ็มไอชี้ว่า กิจกรรมการผลิตและบริการเมื่อเร็วๆ นี้ ส่งสัญญาณอ่อนแอในเขตเศรษฐกิจหลักส่วนใหญ่ของจี 20 โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มหดตัว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังสูงต่อเนื่อง
“ตัวเลขการเติบโตของกลุ่มจี 20 เปลี่ยนขั้วจากอาณาเขตของการขยายตัวในช่วงต้นปีไปสู่ระดับส่งสัญญาณถดถอย ความแตกแยกในระดับโลกจะยิ่งเกิดการบรรจบกันของความเสี่ยงขาลง ความท้าทายที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญยิ่งใหญ่และตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงชี้ให้เห็นถึงความท้าทายต่อไปในอนาคต” ไอเอ็มเอฟระบุ พร้อมเสริมว่าสภาพแวดล้อมของนโยบายในปัจจุบันมีความไม่แน่นอนแบบผิดปกติ
วิกฤตพลังงานที่เลวร้ายลงในยุโรปจะส่งผลเสียอย่างรุนแรงต่อการเติบโตและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นเวลานานอาจกระตุ้นการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าที่คาดการณ์และสภาวะการเงินโลกที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
ไอเอ็มเอฟระบุว่า นั่นจะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของวิกฤตหนี้สาธารณะสำหรับประเทศที่มีเศรษฐกิจเปราะบาง และเหตุการณ์สภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทั่วโลกเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
‘ริชี ซูนัค’ นายกอังกฤษคนใหม่ชูเอกภาพฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ-แก้ไขข้อผิดพลาดของลิซ ทรัสส์ทันที