ตามนโยบายของ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์. รรท.ผบ.ตร. , พล.ต.อ. ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดย ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนผ่านเพจ “ สืบนครบาล IDMB ” และการประสานจากสภ.เมืองบุรีรัมย์ให้ช่วยทำการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายซึ่งมีพฤติการณ์ตระเวนก่อเหตุใช้กลอุบายหลอกช่วยเหลือหญิงชราระหว่างเดินทาง เมื่อสบโอกาสเหยื่อตายใจนึกว่าเป็นคนดีจะช่วยเหลือกลับข่มขู่ชิงเอาทรัพย์สินหลบหนี ตลอดจนร่วมกันก่อเหตุ อ้างสวดสะเดาะเคราะห์ ให้มีโชคลาภ ถูกหวย ค้าขายร่ำรวย ก่อนถอดจีวรทิ้งหอบเงินร่วมแสนหลบหนี โดยตระเวนก่อเหตุสร้างความเดือนร้อนให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง ซึ่งหนึ่งในคนร้ายที่ร่วมในการก่อเหตุซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีและเชื่อว่าตระเวนก่อเหตุกับพวกอย่างต่อเนื่อง คือ น.ส.สมพร หรือ “ อุ๊ย บ้านนา ” โดยเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนางรอง ที่ 29/2567 ลงวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น หรือยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ”
ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน 2567 เวลาประมาณ 18.00 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม
น.ส.สมพร สิงแก้ว หรือ “ อุ๊ย บ้านนา ” อายุ 39 ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 313 หมู่ 11 ตำบลบ้านพริก อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายกตามหมายจับศาลจังหวัดนางรอง ที่ 29/2567 ลงวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2567
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น หรือยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ”
โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณ หน้าห้องเช่าไม่มีเลขที่ ภายในซอยบ้านสวน – หนองข้างคอก 8 ซอย 5 ต.บ้านสวน อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี หลังหลบหนีมาเช่าห้องเพื่อหลบพัก
ในชั้นจับกุม น.ส.สมพร หรือ “ อุ๊ย บ้านนา ” ให้การภาคเสธ โดยบอกว่าในวันเกิดเหตุตนไม่ได้ตั้งใจที่จะก่อเหตุ มีคนรู้จักใช้ให้ขับรถยนต์ให้เพื่อเดินทางไปในพื้นที่ภาคอีสาน ระหว่างทางในพื้นที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้พบหญิงชรายืนรอรถจึงขับรถเข้าไปเทียบเพื่อสอบถามเส้นทาง และใช้โอกาสนั้นรับหญิงชราคนดังกล่าวเข้าไปส่งในตัวเมือง คนรู้จักที่ให้ตนขับรถให้ได้มีการขอเบอร์โทรศัพท์ของหญิงชราไว้เพื่อติดต่อ เมื่อหญิงชราทำธุรเสร็จ คนรู้จักที่ให้ตนขับรถให้ ได้โทรติดต่อเพื่อจะรับหญิงชราคนดังกล่าวกลับไปส่ง ณ จุดรับมา พร้อมออกอุบายจะขอซื้อผ้าไหม เมื่อสบโอกาสได้ข่มขู่เอาทรัพย์สินของหญิงชราจนได้มา ก่อนจะปล่อยให้หญิงชราลงจากรถ จากนั้นตนและคนรู้จักที่ใช้ให้ตนขับรถให้ก็พากันหลบหนี ตนได้รับส่วนแบ่งเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ตนเกรงจะถูกจับกุมจึงได้หลบหนีออกจากบ้านที่อำเภอบ้านนา ก่อนจะมาถูกจับกุมในพื้นที่ จ.ชลบุรี
เมื่อสอบถามถึงคดีที่ร่วมกันกับพวกก่อเหตุปลอมเป็นพระระดับเจ้าอาวาสหลอกแม่ค้าเอาเงินใส่ห่อ อ้างสวดสะเดาะเคราะห์ ให้มีโชคลาภ ถูกหวย ค้าขายร่ำรวย ก่อนถอดจีวรทิ้งหอบเงินร่วมแสนหลบหนี น.ส.สมพร หรือ “ อุ๊ย บ้านนา ” ให้การว่าตนไม่ได้อยู่ในขบวนการ แต่คนรู้จักที่เคยใช้ให้ตนขับรถยนต์ให้นั้นอาจจะเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อคำให้การ
จากการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดของ น.ส.สมพร ในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบประวัติการกระทำความผิดในฐานข้อมูล ประกอบด้วย
1) ปี 2553 ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ ขายสลากกินแบ่งสลากกินแบ่งเกินราคาที่กำหนดในสลาก , ยิงอาวุธปืนซึ่งได้รับอนุญาตให้มีไว้เพื่อเก็บ ” ท้องที่ สภ.บ้านนา
2) ปี 2564 ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ ร่วมกันในข้อหาฉ้อโกง ” ท้องที่ สภ.คลองขลุง ภ.จว.กำแพงเพชร
3) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนางรอง ที่ 29/2567 ลงวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น หรือยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ” ท้องที่ สภ.นางรอง ภ.จว.บุรีรัมย์
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.นางรอง ภ.จว.บุรีรัมย์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย ตลอดจนศึกษารายละเอียดของการลงทุนแต่ละรูปแบบให้ชัดเจนเสียก่อน หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB”