ใบตองแห้ง – เลือกตั้งเปลี่ยนประเทศ

Home » ใบตองแห้ง – เลือกตั้งเปลี่ยนประเทศ


ใบตองแห้ง – เลือกตั้งเปลี่ยนประเทศ

คนทั้งประเทศหัวร่องอหาย ประยุทธ์โวยวาย พรรคร่วมรัฐบาลโยนบาปค่าไฟแพง

ไม่ต้องห่วงหรอก ชาวบ้านรู้ทัน ทั้งตัวทั่นและพรรคร่วม ทุกพรรคหาเสียงเหมือนกันหมด ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะลดค่าไฟ อ้าว แล้วสี่ปีที่ผ่านมาเป็นตัวอะไร เป็นฝ่ายค้านเหรอ

การหาเสียงเลือกตั้งทรงพลังอย่างนี้เอง แม้แต่ทางร้าย นโยบายย้อนแย้งตามเสาไฟฟ้า “รื้อกฎหมายรังแกประชาชน” เรียกเสียงฮาน้ำหูน้ำตาไหล

หรือปลุกความเกลียดชัง “พวกชังชาติ” ปลุกบางระจันต้านเลิกเกณฑ์ทหาร แล้วยังชู “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” ใครจะเชื่อ

กระแสสังคมกระแสโพลจึงเทให้ฝ่ายค้าน ทำติ่งแบกทะเลาะกันวุ่นวาย ราวกับการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างเพื่อไทยก้าวไกล

มันแทบจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ยิ่งใกล้ 14 พฤษภา กระแสพรรครัฐบาลยิ่งหดหาย พรรคอันดับหนึ่งอันดับสองในสายตาประชาชน กลายเป็นเพื่อไทยกับก้าวไกล แม้ผลเลือกตั้งจริงออกมา ก้าวไกลคงไม่ใช่ที่สอง แต่มองไปในอนาคตนี่แหละคือสองพรรคใหญ่

อย่างที่มีมิตรกล่าวไว้ เลือกตั้ง 62 คือเลือกระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย อันที่จริงฝ่ายไม่เอาประยุทธ์ชนะ แต่ถูกบิดเบนตัดตอน เลือกตั้ง 66 มันกลายเป็นเลือกว่าจะเอาประชาธิปไตยแบบไหน

เลือกตั้ง 62 ประชาธิปัตย์ประกาศไม่เอาประยุทธ์ แต่ถีบหัวหน้ามาร์คเข้าร่วมรัฐบาล ภูมิใจไทยไม่ยอมรับ 250 ส.ว.แต่อ้างว่าประยุทธ์รวมเสียงได้เกินครึ่งแล้ว พรรคฝ่ายประชาธิปไตยถ้าคิดคำนวณตรงไปตรงมา ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง แต่ กกต.กลับไปใช้สูตรคำนวณเศษมนุษย์ พรรคที่ได้ไม่ถึง 1 คนได้เป็น ส.ส. พรรคที่ได้จำนวนเต็มถูกลด

แต่ขืนอยู่จนครบสี่ปี รัฐบาลสืบทอดอำนาจก็พังด้วยตัวเอง นักการเมืองที่กวาดต้อนมาพลังประชารัฐ ไม่ยอมรับระบอบประยุทธ์ กดหัวไม่ให้โควตารัฐมนตรี จึงต้องแตกพรรค จำเป็นต้องเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ไปเดินหาเสียงให้ชาวบ้านหัวเราะกันสนุกสนาน ลุ้นเดิมพันจะถึง 25 เสียงไหม

เครือข่ายอนุรักษนิยมยังมีอำนาจใหญ่โตมโหฬาร คุมรัฐราชการทหารตำรวจ กระบวนการยุติธรรม 250 ส.ว. องค์กรอิสระ ฯลฯ แต่ใจกลางอำนาจบริหาร คือประยุทธ์ยุบฮวบลงไป

พวกเขาอยากให้มีเลือกตั้งไหม ไม่อยากหรอก แต่ทำไงได้ จะรัฐประหารตัวเอง ก็ตลกไปไหม จะยุบพรรคฝ่ายค้าน เดี๋ยวก็เกิดการลุกฮืออีก จะไม่ให้มีเลือกตั้ง ใช้ข้ออ้างอะไร

อำนาจใหญ่โตมหึมาไม่รู้จะทำอย่างไร ต้องปล่อยให้มีเลือกตั้ง แล้วพลังแห่งการเลือกตั้งก็ขับเคลื่อนไป อย่างที่พวกเขาคุมไม่ได้

ในตอนแรกก็วิเคราะห์คาดการณ์กันว่า พรรคเพื่อไทยจะจับมือพลังประชารัฐ อาศัย 250 ส.ว.เป็นรัฐบาล ซึ่งก็มีเค้ามูลจากการส่งเมียเพื่อนป้อมลงปาร์ตี้ลิสต์ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ชนะเลือกตั้งไม่มีปืนไม่มีกฎหมายก็ต้องเจรจาประนีประนอม

แต่กระแสพลังที่ขับเคลื่อนไประหว่างเลือกตั้งไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น แรงกดดันทั้งจากคนเลือกเพื่อไทยและก้าวไกลรดต้นคอ ทำให้เพื่อไทยที่ตอนแรกไม่พูดชัด ต้องประกาศไม่จับมือเด็ดขาด

ในขณะเดียวกัน การหาเสียงของพรรคก้าวไกล ที่ชูแก้ 112 เป็นอุดมคติ ไปพร้อมๆ กับ “การเมืองดี ปากท้องดี” ผู้สมัครคนรุ่นใหม่ การเมืองใหม่ใสสะอาด ดีเบตโชว์ความรู้ความสามารถชนะแทบทุกเวที กลับกระแสแรงเกินคาดคิด โดยไม่ใช่แค่ช่วงชิงมวลชนประชาธิปไตย คนรุ่นใหม่ แต่ได้ใจคนทั่วไป คนชั้นกลางในเมืองที่เคยเลือกพรรคประชาธิปตย์ คนที่อยากเห็น “การเมืองดี” จนไม่ซีเรียสเรื่องแก้ 112 ทำให้การพูดคุยเรื่องแก้ 112 กลายเป็น New Normal

“กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” แต่ยังไม่ทันกาบัตร ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงแล้ว

เราจึงเห็นความอดรนทนไม่ได้ ลุงป้าออกมาโต้เถียง ไล่ “ช่อ” ไปดูทีวีช่องที่ตัวเองดู หรือชูป้ายไล่โรมที่สระแก้ว

แต่จะทำอย่างไรถ้าหยุดกระแสไม่อยู่ เพราะทุกคะแนนที่เลือกก้าวไกล ไม่ว่าชนะหรือแพ้ จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญถึงความต้องการเปลี่ยนแปลง สั่นสะเทือนทั้งอำนาจรัฐจารีต และการเมืองแบบเก่า

พูดอย่างนี้ไม่ได้ด้อยค่าเพื่อไทย ซึ่งทำหน้าที่พรรค Mass ดึงคนวงกว้างที่ต้องการรัฐบาลมีฝีมือแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง พิสูจน์ให้เห็น “ประชาธิปไตยกินได้” แต่ก้าวไกลจะเป็นกองหน้ากระทุ้งโครงสร้างล้าหลัง เป็นพลังยกระดับ

ถ้าผลเลือกตั้งฝ่ายค้านรวมกันได้ 60-65% ก้าวไกลได้ 20% ขึ้นไป ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาล การเมืองไทยก็เปลี่ยนไปแล้ว

อย่าไปกลัวว่าหลังเลือกตั้ง 250 ส.ว.จะขัดขวางเสียงข้างมากตั้งรัฐบาล ศาลรัฐธรรมนูญจะยุบพรรค หรือท้ายที่สุดจะเกิดรัฐประหาร

มันเกิดได้นั่นแหละ ภายใต้อำนาจอนุรักษ์ใหญ่โตมหึมา ภายใต้ความแปรปรวนไม่มีเหตุผลจนคาดเดาไม่ได้

แต่พลังจากเลือกตั้งจะกดดัน จะยับยั้งขัดขวาง ยกตัวอย่างถ้าผลเลือกตั้งกรุงเทพปริมณฑล เป็นชัยชนะเพื่อไทยก้าวไกล ก็จะอ้างสองนคราประชาธิปไตยสนับสนุนรัฐประหารไม่ได้อีก แม้อาจเป็นสองนคราใหม่ เพื่อไทย Vs ก้าวไกล แต่ก็เป็นฝ่ายต่อต้านเผด็จการทั้งคู่

ฝ่ายค้านอาจรวมกันได้ไม่ถึง 375 แต่ถ้าได้เกิน 300 ส.ส. 250 ส.ว.ยังจะกล้าโหวตรัฐบาลเสียงข้างน้อย หรืองดออกเสียงให้ประยุทธ์รักษาการต่อ กกต. จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคเพื่อไทยพรรคก้าวไกล?

ชนกับประชาชนได้ขนาดนั้นก็รู้ไป ถ้าดันทุรังพอก็ทำได้ แต่ประเทศจะไม่เหลืออะไรเลย

การเลือกตั้งจะเปลี่ยนประเทศไทย แม้ยังคาดเดาไม่ได้ว่า เปลี่ยนอย่างไร มากน้อยแค่ไหน แต่ความเปลี่ยนแปลงก็อยู่ในมือเรา

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ