ศาลจังหวัดฮอดพิพากษาให้ กกต.จ่ายค่าเสียหาย สุรพล เกียรติไชยากร อดีต ส.ส.เชียงใหม่ 64.1 ล้าน รวมดอกเบี้ย 70 ล้าน แม้ยังสู้กันถึงอุทธรณ์ฎีกา ก็ฮือฮาสะใจคนเกือบทั้งประเทศ ทั้งที่ต้องใช้เงินภาษีจ่าย
เพราะเป็นการสั่งสอนบทเรียน กกต.อย่าใช้อำนาจแจกใบเหลืองใบส้ม ทำลายเจตจำนงของประชาชนแบบมักง่ายเกินไป อะไรๆ ก็ “เชื่อได้ว่าทุจริต” จ้องจับผิดโดยไม่ดูเจตนา เห็นการบูชาเทียนวันเกิดตามวัฒนธรรมล้านนา เป็นให้ประโยชน์จูงใจ เอาการถวายเงินสองพันไปทำลายคะแนนเลือกตั้งของประชาชน 52,165 คน
พอศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งชี้ว่าไม่ผิด กกต.ก็หน้าหงาย เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถเรียกคืนได้ เพราะจัดเลือกตั้งใหม่ไปแล้ว ได้ศรีนวล บุญลือ อนาคตใหม่ ที่ย้ายไปซบเสี่ยหนูเรียบร้อยแล้ว (และยิ่งทำให้คนโกรธหนักไปอีก)
พอศาลฮอดให้จ่ายเยียวยา ประชาชนก็ไชโย อดีต กกต.สมชัยชี้ว่า ถ้าแพ้คดีใช้เงินภาษีจ่าย ก็สามารถไล่เบี้ยเอากับ 7 กกต. รวมเจ้าหน้าที่ 14 คน ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิด แบบที่ใช้ยึดทรัพย์ยิ่งลักษณ์ ยึดบ้านยึดรถ กกต.ไว้ก่อน คนฟังยิ่งเฮกันใหญ่
อันที่จริง ยังมีค่าเสียหายจากการจัดเลือกตั้งใหม่ ซึ่งถ้าสุรพลแพ้คดีต้องจ่าย แต่พอ กกต.แพ้ก็เงียบไป ค่าจัดเลือกตั้งนับสิบล้านกลายเป็นเสียฟรี ไม่รู้จะไล่เบี้ยกับใคร
แม้ในทางคดี กกต.อ้างได้ว่ากระทำโดยสุจริต ไม่ต้องรับผิดทั้งแพ่งอาญา เป็นไปได้ยากที่ 7 กกต. 14 เจ้าหน้าที่จะต้องควักจ่าย แต่ถ้าถึงฎีกาสุรพลชนะ กกต.ชุดนี้ก็ไม่มีหน้าไปแจกใบส้มใบแดงใครอีก
ความสะใจของประชาชนมีฐานอยู่บน กกต.ล้มละลายทางความเชื่อถือ จัดเลือกตั้ง 62 มีปัญหาตั้งแต่ต้น ถูกข้องใจเรื่องความโปร่งใส ไร้ประสิทธิภาพ ตั้งแต่การจัดเลือกตั้งล่วงหน้า เลือกตั้งนอกราชอาณาจักร การนับคะแนน สูตรคำนวณเศษมนุษย์ (แม้เอามาจากสูตรของ กรธ.) กระทั่งประชาชนเข้าชื่อถอดถอนเกือบล้านคน เป็นสถิติสูงสุดของ Change.org ประเทศไทย
ว่ากันตามตรง ไม่ใช่แค่ประชาชนที่เลือกฝ่ายค้านเท่านั้นเห็นว่าเครดิต กกต.ล้มละลาย คนที่อยากเห็น กกต.ไล่จับผู้ร้ายก็หมดใจ เลือกตั้ง 62 จับใบส้มได้ใบเดียว ที่ไหนได้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ยับเยิน หลังเลือกตั้งแจกใบดำผู้สมัครสอบตก ก็มาจากคลิปปราศรัยด่าฝ่ายตรงข้าม เลือกซ่อม ส.ส.ลำปาง แจกใบเหลืองเพราะฝ่ายค้านอัดคลิปไว้ เลือกนายก อบจ. แจกใบเหลือง 4-5 ราย จากผู้ช่วยหาเสียงโพสต์เฟซบุ๊ก หรือคลิปคู่แข่งอัดส่งให้
ทำงานแบบนี้ไม่ต้องใช้ฝีมือก็ได้นะ ไม่ต้องใช้งบปีละ 3 พันกว่าล้าน พนักงานสองพันกว่าคน เงินเดือนเริ่มต้นสูงกว่าข้าราชการทั่วไป 30%
นี่ไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล 24 ปี กกต.ลงเหวมาถึงจุดต่ำสุดในยุครัฐธรรมนูญ 2560 ด้วยความผิดเพี้ยนตั้งแต่ต้น รัฐธรรมนูญ 2540 สถาปนาองค์กรเทวดา 5 อรหันต์ (ที่บังเอิญชุดแรกดีเด่นดัง) ใช้อำนาจ “เชื่อได้ว่า” แจกใบเหลืองใบแดงกระหน่ำ กลายเป็นอำนาจที่อยู่เหนือเจตจำนงประชาชน ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลก กกต.แค่สงสัยก็ถีบคนชนะเลือกตั้งตกเก้าอี้ ตัดสิทธิ เลือกตั้งใหม่ แล้วรัฐธรรมนูญ 2550 ต่อเติมไปถึงยุบพรรค เหมือนกฎหมายโบราณ ผิดคนเดียวประหารเจ็ดชั่วโคตร ส่งผลเปลี่ยนรัฐบาล
รัฐธรรมนูญ 2560 พยายามปะผุ เช่นเพิ่มผู้ตรวจการเลือกตั้ง ให้ กกต. 7 คนทำหน้าที่คณะกรรมการ ไม่แบ่งฝ่ายสืบสวนบริหาร แต่ยิ่งซ้ำร้าย กกต.ชุดนี้ไม่โผล่มาให้ประชาชนเห็นหน้าค่าตา เห็นแต่คำแถลงส่งสื่อทางออนไลน์
คดีนี้จะมีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของ กกต. คือความเชื่อถือที่น้อยอยู่แล้วยิ่งน้อยลงไป การแจกใบเหลืองใบส้มแดงดำให้ใครจะยิ่งถูกคัดค้านถูกวิพากษ์วิจารณ์ยิ่งขึ้น กกต.และเจ้าหน้าที่จะย่นระย่อ ในการด่วนตัดสินใคร
ซึ่งเป็นเรื่องดี ไม่ใช่เรื่องร้าย การทำให้ กกต.เป็นอัมพาตหรือไร้สมรรถภาพเป็นผลดีต่อประชาธิปไตย ถ้ามีโอกาสร่างรัฐธรรมนูญใหม่ควรยุบ กกต.ทิ้งเสีย ให้เหลือแค่องค์กรกลางจัดการเลือกตั้ง มีอำนาจ 2-3 อย่างเช่นสั่งย้ายเจ้าหน้าที่รัฐได้ชั่วคราว ร้องศาลจัดเลือกตั้งใหม่ในเขตที่อื้อฉาวจริงๆ การทุจริตก็ให้เป็นกระบวนการทางอาญา
ชัยชนะของสุรพลในคดีนี้ ลึกลงไปยังเป็นความสะใจร่วมกันสามารถฟ้องชนะหน่วยงานรัฐ ซึ่งถนัดในการใช้อำนาจโดยไม่สามารถทัดทาน อ้างความสุจริตอ้างความมั่นคงปลอดภัยอ้างโควิดอ้างศีลธรรมดีงาม ฯลฯ ออกคำสั่งออกข้อห้ามเกินเหตุ หรือดำเนินคดีกับประชาชน ทั้งเรื่องทางการเมือง อย่างมิลลิ (อ้างว่าทำงานเยอะจึงพลาด) หรือเรื่องชาวบ้าน เช่นแม่ค้าแพร่ข่าวโควิดผิดๆ ด้วยความตระหนกก็โดนข้อหาเฟกนิวส์
แถมหน่อยว่า การฟ้องชนะหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะองค์กรอิสระ เป็นเรื่องที่นานๆ ครั้งจะเห็นสักที โฆษกศาลน่าประกาศชื่อผู้พิพากษาให้ประชาชนชื่นชมอีกครั้ง ทั้งศาลฎีกา ศาลจังหวัดฮอด ไม่ต้องลงลายเซ็นอ่านไม่ออก เหมือนคำสั่งไม่ให้ประกัน 112
นี่คืออำนาจตุลาการที่ประชาชนมุ่งหวัง ศาลต้องถ่วงคานอำนาจบริหารและอำนาจพิเศษต่างๆ ไม่ใช่ให้ท้ายหรือคล้อยตาม