คอลัมน์ ใบตองแห้ง
สลิ่มโหยฮีโร่
“พี่เอ้” สุชัชวีร์ เปิดเวทีอลังการ สวมแหวนเปลี่ยนโลก ประกาศเป็นทายาทสายตรงไอน์สไตน์ ประกาศเปลี่ยนกรุงเทพฯ เปลี่ยนอนาคตลูกหลาน เราทำได้ ไม่ต้องทนปัญหาซ้ำซากรถติดน้ำท่วมรอระบาย เหมือนถูกข่มขืนรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนคุ้นชิน
แกนนำประชาธิปัตย์ตบมือลั่นประทับใจ ลืมไปว่า 17 ปี ผู้ว่าฯ กทม.มาจาก ปชป.ทั้งนั้นเลย
ถ้าสังเกตให้ดี การเปิดตัว “พี่เอ้” เป็นที่คาดหวังมากกว่าตำแหน่งผู้ว่าฯ กล่าวสำหรับประชาธิปัตย์ นี่คือความหวังฟื้นภาพฟื้นพรรค หลังถูกฉีดไบกอนสูญพันธุ์ไม่ได้ ส.ส.กทม.
ในวงกว้างออกไป กล่าวสำหรับมวลชนอนุรักษนิยมคลองโอ่งอ่าง ไม่ว่าเลือก ปชป. พปชร. อธิการบดีหนุ่ม เรียนเก่ง เด่นดัง มีป้ายไวนิลเต็มพระจอมเกล้าลาดกระบัง ร่ำลือกันเป็นขวัญใจนักศึกษา ฯลฯ คือความคาดหวังว่าจะดึงคนรุ่นใหม่กลับมาอยู่ฝั่งอนุรักษนิยม ไม่ใช่โดนไอ้พวกสามกีบก้าวหน้าก้าวไกลจูงไปม็อบปฏิรูปสถาบันเสียหมด
พูดอีกอย่าง หากเข้าไปในความฝันของสลิ่มแก่ๆ คืนนั้น คงหลับปุ๋ยราวทารก ฝันเห็นภาพนักเรียนนักศึกษากรีดร้องรุมล้อม “ฟ้ารักพี่เอ้”
นี่คือความโหยหาของสลิ่ม อยากได้ซูเปอร์ฮีโร่ สวมแหวนโทนี สตาร์ค มาสืบทอดอุดมการณ์อนุรักษนิยม ที่ถูกคนรุ่นใหม่ “ปฏิวัติวัฒนธรรม” กวาดล้างเรียบ แม้การแสดงออกถูกกดไว้ด้วยคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ อำนาจจับกุมคุมขังโดยรัฐ
ลองนับนิ้วดู ฮีโร่ของสลิ่มมีใครบ้าง (หมายถึงสลิ่มมองเป็นความหวัง ไม่ได้หมายความว่าตัวเขาเป็นสลิ่ม) ผู้ว่าหมูป่า หมอทวีศิลป์ (เด็กต่างจังหวัดเก็บผักสวนครัวมีวันนี้ได้เพราะขยันเรียน) มาดามแป้ง (ชื่อโผล่อีกจนได้) เหมือนครั้งมีข่าวพรรคปลอม ศุภชัย วิรไท จักรทิพย์ สุชัชวีร์ มาดามแป้ง แอ๊ดบาว เจษฎาภรณ์ ผลดี ฯลฯ พรรคในอุดมคติของสลิ่มเลยนะ
แต่ที่สลิ่มโหยหามากที่สุดคือ คนรุ่นใหม่ ขวัญใจคนรุ่นใหม่ แบบเคยมีนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ หรือไลฟ์โค้ช เพื่อฝากความอุ่นใจว่าตัวเองตายไปแล้วประเทศจะยังย่ำเท้าอยู่ที่เดิม
ขนาด “ท็อป บิทคับ” ขายหุ้น 1.7 หมื่นล้าน แสดงความเห็นต่อทิศทางประเทศ “ขอเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่” แนะใช้เศรษฐกิจดิจิตอลสร้างทางเลือกใหม่ประเทศไทย ไม่ได้เข้าข้างใครทางการเมือง ก็ยังมีคนรุ่นเก่าแห่เมนต์ฟูมฟาย ถ้าคนรุ่นใหม่เป็นอย่างคุณ ประเทศชาติรอดแน่ คนแบบนี้สิสมควรเป็นผู้นำ เพราะไม่ตกเป็นเหยื่อของครูอาจารย์ องค์กรระหว่างประเทศ รับเงินต่างชาติมาทำลายประเทศไทย ฯลฯ
ช่างน่าเห็นใจว่าวันนี้ สลิ่ม Baby Boom โหยหาคนรุ่นใหม่ฝั่งตัวเองแค่ไหน กลัวตายตาไม่หลับ ถ้ามีใครแปลงร่างเป็นรุ่นใหม่กลับใจแบบเสกสกลคงโอบกอดท่วมท้น ชวนลงทุนอะไรก็เชื่อแบบประสิทธิ์ เจียวก๊ก
ในอีกมุมหนึ่งสลิ่มก็รู้อยู่ลึกๆ ว่า Idol ผุพังแบบประยุทธ์เอาไม่อยู่ แม้มีอำนาจกดทับ แต่การจะทำให้ม็อบสามนิ้วเป็น Lost Generation ล้มเหลวถูกลืม นอกจากอำนาจยังต้องมี Idol ทางความคิด ทางวัฒนธรรม ซึ่งหาไม่ได้ ใครที่พอจะเป็น Idol ดูมีสมองมีความคิด พอย่างเท้าเข้าคอกอนุรักษ์สักนิดกลายเป็นร้องยี้ “แมลงสาบเกาะ”
ในประเด็นต่อสู้ทางความคิด คนรุ่นเก่าตามไม่ทัน ผู้มีอำนาจก็งวยงง ประยุทธ์ไปใต้ พูดพล่ามหลายสิบเรื่อง ใครจะคิดว่าโลกออนไลน์จับประเด็น “เลี้ยงไก่ 2 ตัว” ไว้กินไข่ตามหลักพอเพียง มาหัวร่อล้อเลียนสนั่นหวั่นไหว พ่วงไปกับทหารปลูกผักชี
นี่พูดจริงๆ นะ กระทั่งสื่อรุ่นเก่าก็ตามไม่ทัน ไม่มีใครคิดว่าประเด็นนี้จะกลายเป็นประเด็นโดน สื่อหลายสำนักยังลงภาพประยุทธ์จับปู
ย้ำอีกทีว่ายุทธศาสตร์ฝ่ายอนุรักษ์คือ ใช้อำนาจกดไว้ให้ “ประชาธิปไตย” หดแคบ อย่างที่ อ.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ กล่าวไว้ แต่ไม่สามารถทำลายความคิดคนรุ่นใหม่ได้ กระทั่งควบคุมก็ไม่ได้ มีแต่ขยาย แค่ทำให้ไม่สามารถกระทบกระเทือนอำนาจปกครอง แต่กัดกร่อนถอดรื้อฐานราก
คนรุ่นเก่า “สลิ่ม” ทั้งหลายจึงกระวนกระวาย กลัวตายไปเจอใครบนฟ้าแล้วโลกที่เคยอยู่จะไม่เหมือนเดิม กลัวโลกของคนรุ่นใหม่จะมาทำลายโลกที่คุ้นชิน ทั้งที่ข้อเรียกร้องบางอย่างก็แอบเห็นด้วย แอบนินทา แต่กลัวจะกลายเป็นการถอดรื้อทั้งฐานราก ซึ่งยิ่งกลัวยิ่งขัดขวางมันจะยิ่งกลายเป็นอย่างนั้น
คนรุ่นเก่าพยายามดิสเครดิตคนรุ่นใหม่ วันก่อนฟังผู้รู้ หาว่าโลกออนไลน์อวดเก่ง ใช้แต่ความเห็นไม่ใช้ความรู้ ไม่รู้ด่าใคร เพราะมีแต่กลุ่มไลน์สวัสดีวันจันทร์ที่ส่งข่าว faked แล้วเชื่อตามกัน เช่นมัสยิดบนเขายายเที่ยง คนรุ่นใหม่โตบนเฟซบุ๊ก เถียงกันตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น ใครพูดไม่มีความรู้ เช่นตั้งท้องแล้วระวังลูกดูดแคลเซียมฟันร่วง เพื่อนหัวร่อตาย
จะมองหาที่ไหนหนอ ซูเปอร์ฮีโร่ผู้กอบกู้โลกของสลิ่ม เห็นแต่บินออกมาโดนแสงแล้วร่วงผล็อยทุกราย