ใบตองแห้ง-ยี้ขี่ช้างป่วย

Home » ใบตองแห้ง-ยี้ขี่ช้างป่วย


ใบตองแห้ง-ยี้ขี่ช้างป่วย

ประชาชนเห็นอะไรจากการอภิปรายงบประมาณ ดีใจไหม ฝ่ายค้านแพ้ย่อยยับ 7 ส.ส.เพื่อไทยเผยตัวโหวตสวนมติพรรค เพิ่มขึ้นจาก 4 ส.ส.ก้าวไกล 1 ส.ส.ประชาชาติ ที่รู้อยู่ก่อน

พรรคเศรษฐกิจไทย พรรคเล็ก สุดท้ายแค่เรียกร้องความสนใจ เดี๋ยวใกล้อภิปรายไม่ไว้วางใจค่อยเล่นตัวอีกครั้ง

ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล คงเห็นบรรยากาศจืดชืด เลยเพิ่มสีสัน “ยกมือใส่หน้า” แต่หัวหน้าพรรคกอดคอ ปฏิเสธว่าไม่ได้ยกพวกไปตบกัน

งบประมาณปีสุดท้าย การเมืองปีสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง เห็นภาพโจ๋งครึ่มของความเสื่อมทรามถอยหลัง พรรคร่วมรัฐบาลมีอำนาจต่อรองสูง ดึงงบลงพื้นที่หาเสียง เตรียมเปิดประมูลเป็นล่ำเป็นสัน บางพรรคก็กำเงินฟาดหัว ส.ส.ฝ่ายค้านอย่างหน้าด้านๆ

ถ้าไม่ไร้เดียงสาหรือเกลียดฝ่ายค้านหน้ามืดตามัว ก็เห็นชัดๆ ว่าการเมืองปัจจุบันกำลังถอยหลังไปสู่ยุคก่อนรัฐธรรมนูญ 2540 ทั้งซื้อเสียง ซื้อตัว ขายตัว ดูด ส.ส. อาจเลวร้ายกว่าอดีตด้วยซ้ำ เพราะหลายจังหวัดผูกขาดโดย “บ้านใหญ่” ผู้มีอิทธิพล ควบคุมการเมืองตั้งแต่ อบต.ถึง อบจ. ระดับประเทศก็รวมตัวกันเป็นแก๊งที่เรียกสวยหรูว่า “พรรคการเมือง” ชูมือสวามิภักดิ์รัฐประหารสืบทอดอำนาจ แลกผลประโยชน์เข้าพื้นที่และเข้ากระเป๋า แบ่งโควตาเป็นรัฐมนตรีชูคออยู่ในคลอง

ก่อนรัฐธรรมนูญ 2540 พล.ต.ต.เสรี เตมียเวส จับแบงก์ร้อย เย็บแบงก์ยี่สิบ จับเจ้าพ่อตะวันออกทุจริตที่ดินทิ้งขยะ คนชั้นกลางสะใจ ชูธงเขียวหนุนตั้งองค์กรอิสระ กกต. ปปช. ปราบซื้อเสียงปราบโกง

ถึงวันนี้เป็นไงล่ะ รัฐประหาร 2 ครั้งล้างการเมืองชั่ว? องค์กรอิสระ ตุลาการภิวัตน์ กลายเป็นเครื่องมือจองล้างพรรคมวลชนอย่างพรรคเพื่อไทย มาจนพรรคของคนชั้นกลางในเมืองอย่างอนาคตใหม่ ก้าวไกล แต่นักการเมืองที่เคยยี้กลับขยายอาณาจักรใหญ่โต

สมัยหน้า “แลนด์สไลด์” อาจไม่ใช่เพื่อไทย แต่เป็นพรรคที่มีเงินล้นกระเป๋า มีโครงการเต็มประเทศ ล่อใจขาใหญ่บ้านใหญ่ เข้าสังกัด โดยวางเป้าเป็นแค่พรรคขี้ขลาดสอพลออำนาจ

หดหู่ไหม ที่ต้องเรียกคนพวกนี้ว่านักการเมืองจากเลือกตั้ง ขณะที่คนกรุงเทพฯ 1.38 ล้านเลือกผู้ว่าฯ อย่างชัชชาติ

อ๊ะอ๊ะ พูดอย่างนี้เหมือนกับสลิ่ม ที่บอกว่าเสียงคนกรุงมีคุณภาพ แต่คนกรุงก็เพิ่งตาสว่าง เกลียดนักการเมืองหนุนรัฐประหาร 2 ครั้ง ไหนล่ะ รัฐประหารกวาดล้างนักการเมืองเลว

ท้ายที่สุดมันก็กลายเป็นระบอบนักการเมืองยี้สมคบรัฐประหารสืบทอดอำนาจ แบ่งผลประโยชน์ระหว่างรัฐราชการกับพรรคการเมือง

การอภิปรายงบประมาณของฝ่ายค้าน สะท้อนให้เห็นทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งคือเต็มไปด้วยภาระจากรายจ่ายประจำ งบลงทุนเหลือน้อย มีแต่โครงการเบี้ยหัวแตกไม่มีความคิดสร้างสรรค์ ส่วนอีกด้านหนึ่ง กระทรวงที่พรรคร่วมรัฐบาลดูแลได้งบเพิ่มขึ้น รัฐมนตรีชิดชอบตอบอภิปรายอย่างสง่างาม บุรีรัมย์ได้งบเยอะเพราะเป็นเมืองกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้เข้าประเทศ

“ช้างป่วย” เห็นภาพรายจ่ายแข็งตัว จากระบบราชการใหญ่โตเทอะทะ สิ้นเปลือง ไร้ประสิทธิภาพ เป็นภาระประเทศ

เอาเฉพาะภาระจากบำนาญและสวัสดิการข้าราชการที่กลายเป็นดราม่า โจมตี ทิม พิธา ในกลุ่มไลน์ ถามว่ามีใครยกเลิกบำนาญข้าราชการได้ไหม ไม่ได้หรอก แต่ถามว่าบำเหน็จบำนาญข้าราชการเป็นภาระจริงไหม ก็ดูข้อมูลได้ ในช่วง 9 ปี งบประมาณรัฐบาลเพิ่มจากปีละ 2.5 ล้านล้าน เป็น 3.2 ล้านล้าน หรือ 26% แต่งบเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญ เพิ่มจากปีละ 1.3 แสนล้านเป็น 3.2 แสนล้าน หรือเพิ่มขึ้นถึง 144% แซงหน้างบกระทรวงกลาโหมมาตั้งแต่ปี 2562

กระทรวงกลาโหมปีนี้ลดงบลง 4.3 พันล้าน แต่งบเงินเดือน เพิ่มขึ้น 2.4 พันล้าน ทั้งที่ รมช.ยืนยันว่าไม่ได้เพิ่มกำลังพล

ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปจะไหวหรือ ที่ว่าข้าราชการแต่ละคนอดทนทำงานจนได้รับบำนาญ ข้าราชการที่ขยันขันแข็งมีเยอะครับ แต่พวกห้อยโหนเช้าชามเย็นชามก็ไม่น้อย ข้าราชการบำนาญรู้แก่ใจ ถ้าไม่ปฏิรูประบบครั้งใหญ่ ลดกำลังคนลดนายพลที่ไม่จำเป็น เดี๋ยวจะเจ๊งไม่มีเงินจ่ายจริงๆ

หรืออีกทางหนึ่ง รัฐบาลก็ต้องสร้างรายได้ เพิ่มจีดีพี เพิ่มงบประมาณ สมมติรายได้ 4 ล้านล้าน สัดส่วนงบบำนาญก็ลดลง แต่จะทำได้อย่างไรเมื่องบลงทุนเหลือแค่ร่อแร่ 20% ภายใต้ผู้นำที่บริหารไม่เป็น นักการเมืองสาวได้สาวเอา

รัฐราชการสูงวัย ภายใต้รัฐประหารสืบทอดอำนาจ เครือข่ายอนุรักษนิยม สมคบนักการเมืองยี้ กำลังทำให้ประเทศนี้ป่วย ไม่เห็นอนาคต

เป็นภาพตัดกัน กับคนกรุง 1.38 ล้านเสียงเลือกชัชชาติ และกำลังวาดความหวัง ไม่ใช่แค่ผลงานแต่รวมทั้งท่าที คำพูด อากัปกิริยา มั่นคงแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็เคารพประชาชน ให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน มี empathy ให้ทุกคน

ชัชชาติกำลังทำให้ประชาชนเปรียบเทียบ ไม่ใช่แค่ผู้นำทหาร แข็งกร้าวสามหาว ตั้งตนเป็นพ่อทุกคน แต่รวมถึงนักการเมืองเลื้อยคลาน ที่ชูคอสลอนอยู่ทุกวันนี้

พูดอย่างนี้ปลุกเกลียดชังนักการเมืองจากเลือกตั้งไหม ไม่เห็นจะผิดตรงไหน อย่าโรแมนติไซส์ “จากเลือกตั้ง” มันอาจจะดีกว่าทหารตรงไม่ใช้ปืนปล้นตรงๆ รู้จักไหว้ประชาชน อุปถัมภ์ เอาใจ แต่ก็กอบโกยผลประโยชน์ ตลบตะแลงไม่มีกระดูกสันหลัง ทำลายประชาธิปไตยทั้งทางตรงทางอ้อม

นี่เป็นโอกาสเหมาะด้วยซ้ำที่จะปลุกเกลียดชังนักการเมืองยี้ เพราะเห็นชัดๆ ว่า ยิ่งเกลียดนักการเมืองแล้วไปหนุนรัฐประหาร สุดท้าย สันดานยี้นั่นแหละ พร้อมจะสมคบรัฐประหารทำลายประชาธิปไตย

ใบตองแห้ง

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ