“โรม” โต้ “ส.ว. ทรงเอ” ไม่มีทฤษฎีสมคบคิด ใส่ร้ายทางการเมือง ยันทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบรัฐบาล เผยเอกสารชี้แจงหลุดจากศาล เตือน “อุปกิต” ระวังคนใกล้ตัว พรุ่งนี้ให้ข้อมูลอสส.คดีนอก ราชฯ ก่อนจี้ ป.ป.ช. สอบยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ-สอบ3ผู้พิพากษา เอี่ยวถอนหมายจับมิชอบ

20 มี.ค. 66 – ที่อาคารอนาคตใหม่ นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวตอบโต้ นายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. ที่อ้างว่า ตนเองตกเป็นเหยื่อการกลั่นแกล้งมางการเมือง โดยทฤษฎีสมคบคิด ระหว่าง พรรคก้าวไกล กับ นักวิชาการ สื่อมวลชน และ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สารวัตรสืบสวน สน.พญาไท

โดยยืนยันว่า ไม่มีทฤษฎีสมคบคิดกันอย่างที่ส.ว.ทรงเอกล่าวอ้าง ตนเพียงทำหน้าฝ่ายค้านในการตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐบาล ซึ่งยอมรับว่า การตรวจสอบทุจริตทำคนเดียวไม่ได้ แต่ไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งทางการเมืองแต่อย่างใด เพียงแค่ต้องการให้ทุกคนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเสมอภาค และเชื่อว่า หากเลือกได้ พ.ต.ท มานะพงษ์ คงไม่อยากเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองให้สุ่มเสี่ยงกับตนเอง โดนเฉพาะภายใต้องค์กรแบบนี้ อย่าคิดว่า คนอื่นเขาจะเป็นเหมือนตนเอง

ส่วนที่ ส.ว.อุปกิต อ้างถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตสายไหม กับ พ.ต.ท.มานะพงษ์ นั้น นายรังสิมันต์ ยอมรับว่า สามีของ ว่าที่ผู้สมัครพรรคกล่าวไกล เป็นตำรวจ และเพื่อนกับ พ.ต.ท.มานะพงษ์จริง แต่ควรนำมาเบี่ยงประเด็นถูกใส่ร้าย หรือเป็นเรื่องการเมือง เพราะจะทำให้เรื่องไปกันใหญ่

แต่ยอมรับว่า แชทที่ตนนำมาอภิปรายในสภาเป็นการตัดต่อจริง เพราะในแชทสนทนาดังกล่าวเป็นการพูดคุยกันหลายเรื่อง จึงต้องตัดมาเฉพาะที่สำคัญและจำเป็น แต่หากบอกว่า ไม่ใช่เรื่องจริง ขอให้นำหลักฐานมายืนยัน เพราะการออกมาบอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะแรงจูงใจทางการเมือง ไม่สามารถหักล้างของตนและพ.ต.ท มานะพงษ์ได้

พร้อมเปิดเผยว่า เอกสารคำชี้แจงของ พ.ต.ท.มานะพงษ์ จำนวน 7 หน้า หลุดมาจากศาล ไม่ใช่หลุดมาจากชั้นตำรวจ หลักฐานที่ส่งมาถึงตนเองมีอีกจำนวนไม่น้อย ขอให้ ส.ว.อุปกิต สังเกตคนใกล้ตัวให้ดี

นายรังสิมันต์ ยังตั้งข้อสังเกตจากการแถลงของ ส.ส. เป็นอุปกิตที่อ้างว่า ได้เห็นหลักฐานที่ พ.ต.ท.มานะพงษ์ ยื่นต่อผู้พิพากษา ซึ่งหลักฐานดังกล่าวเป็นหลักฐานเท็จ ว่า เหตุใด ส.ว.อุปกิต จึงทราบข้อมูลดังกล่าว ทั้งที่ควรจะเป็นความลับ คำพูดของ ส.ว.อุปกิต เป็นหลักฐานมัดตัวว่า ที่รู้เพราะมีผู้ใหญ่ให้ความช่วยเหลือใช่หรือไม่

ตนสงสัยว่า ผบ.ตร. และ นายตำรวจ ปล่อยให้ตำรวจน้ำดีถูกกระทำแบบนี้ได้อย่างไร และหาก ส.ว.อุปกิต รอด แต่ตำรวจติดคุก จะทำให้ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กล้าและซื่อสัตย์ทำคดีอีกแล้ว และตามหลักการแล้วในกระบวนการยุติธรรมการจะขอหมายจับไม่มีใครมานั่งถามว่าผู้ถูกขอหมายจับคือใคร หากหลักฐานเพียงพอและทำตามขั้นตอนก็สามารถอนุมัติหมายจับได้

อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ นายรังสิมันต์ จะเดินทางไปให้ข้อมูลกับสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบคดีของ ส.ว.อุปกิต เนื่องจากเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ในฐานะผู้มีข้อมูลและผู้ที่เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด เชื่อว่าจะช่วยให้เกิดกระบวนการยุติธรรมที่บริสุทธิ์ยุติธรรม

จากนั้นในวันพฤหัสบดี ที่ 23 มี.ค. จะเดินทางไป ป.ป.ช. เพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่องการตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินของ ส.ว.อุปกิต ที่อาจไม่ตรงกับคว่มเป็นจริง หลังจากมีการยื่นแสดงหลักฐานว่ามีการยื่นขายหุ้นธุรกิจโรงแรม “อัลลัวร์” ตั้งอยู่ที่เมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ให้นายชาคริส แต่ในความเป็นจริงไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น เพราะนายชาคริสไม่มีเงินเพียงพอ

พร้อมทั้งขอให้มีการตรวจสอบผู้พิพากษา 3 คน คือ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และผู้พิพากษาเวร ที่มีความเกี่ยวข้องกับการถอนหมายจับ ส.ว.อุปกิต ว่าได้ดำเนินการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ขณะเดียวกัน ส.ส.พรรคก้าวไกล ยังจี้ถามไปถึงเลขาธิการป.ป.ส. ไม่ปิดบัญชีม้าที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่โอนเงินเข้าบัญชี “อัลลัวร์กรุ๊ป” เพราะยังมีการโอนเงินเข้าออกตามปกติ รวมถึงอาจมีการชำระค่าไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าแม่สาย ส่งผลให้การไฟฟ้าแม่สายกลายเป็นผู้ให้การสนับสนุนเครือข่ายยาเสพติดในอนาคต