แม่ติดโควิดคลอดลูกได้ 21 วัน เสียชีวิต ทารกไม่พบเชื้อ สามีเผยโทรคุยกับภรรยาจนสิ้นใจ

Home » แม่ติดโควิดคลอดลูกได้ 21 วัน เสียชีวิต ทารกไม่พบเชื้อ สามีเผยโทรคุยกับภรรยาจนสิ้นใจ
แม่ติดโควิดคลอดลูกได้ 21 วัน เสียชีวิต ทารกไม่พบเชื้อ สามีเผยโทรคุยกับภรรยาจนสิ้นใจ

แม่ตั้งครรภ์วัย 37 ปี ติดโควิด หลังเข้ารับการรักษาแพทย์ผ่าคลอดทารกปลอดภัย แต่แม่เด็กเชื้อลงปอดอาการหนัก เสียชีวิต

(17 ส.ค. 64) ที่บ้านหมู่ 8 บ้านบูเก็ตดาราเซ ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง พร้อมด้วย นางมุกดา ยังอภัย ณ สงขลา นายกกิ่งกาชาดอำเภอเบตง จนท.ปค.ประจำตำบล จนท.สาธารณสุขอำเภอเบตง  จนท.รพ.สต.บ้านยะรม  จนท.อบต.ยะรม ลงพื้นที่บ้าน นายวิทยา อายุ 42 ปี ภายหลังภรรยา อายุ 37 ปีได้ติดเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่ รพ.เบตง และได้เสียชีวิตเพิ่มเป็นรายที่ 6 ของ อ.เบตง จ.ยะลา ชาวบ้าน หมู่ที่8 บ้านบูเก็ตดาราเซ ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา

โดยนายวิทยา สามี วัย 42 ปี ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ไปซื้อของที่ร้านในหมู่บ้านเมื่อวันที่ 17-18 ก.ค.ที่ผ่านมาหลังจากไปซื้อของกลับมาที่บ้านก็นั่งคุยกันตามปกติ หลังจากนั้นประมาณวันที่ 19-20 ก.ค. ภรรยาก็เริ่มมีอาการเพลีย เมื่อย ไม่มีแรง ต่อมาวันที่ 21 ก.ค. ภรรยามีไข้พร้อมลูกสาววัย 3 ขวบ มีไข้โดยภรรยาก็เช็ดตัวอยู่ตลอด โดยภรรยาเป็นคนเช็ดด้วยตัวเอง ประมาณ 3 วัน ลูกสาวก็หาย แต่ภรรยาไม่หายไข้   

ต่อมาอีก 2 วัน ลูกชายวัย 5 ขวบ ก็มาป่วยอีก เช็ดตัวประมาณ 3 วัน ก็หายเหมือนกัน แต่ภรรยายังไม่หาย  ตั้งแต่ทำการ SWAB หาเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็ยังมีไข้สูงอยู่คิดว่าน่าจะเกิน 38 องศา  

ต่อมาเย็นวันที่ 25 ก.ค. รถฉุกเฉินโรงพยาบาลเบตง ได้มารับภรรยาที่บ้าน ต่อมาเช้าวันที่ 26 ก.ค. หมอก็ได้ผ่าเอาเด็กออก หลังจากทำการผ่าคลอดเสร็จก็ได้ออกมาอยู่ห้องปกติประมาณ 2 วัน โดยได้วิดีโอคอลคุยกับภรรยา บอกว่าอาการดีขึ้น แผลที่ผ่าคลอดก็แห้งดี ต่อมาวันที่ 3 ที่รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลเบตง ภรรยาก็เริ่มมีอาการหายใจเหนื่อย ต่อมาหมอให้กลับเข้าไปรักษาในห้อง ICU อีกรอบ

ตอนที่เข้าไปอยู่ในห้อง ICU ก็ได้วิดีโอคอลกันอยู่ 2 วัน ต่อมาเอกซเรย์แล้วหมอบอกว่าภรรยาไม่สามารถหายใจได้สะดวกถ้าไม่มีเครื่องช่วยหายใจ หมอจำเป็นต้องใส่เครื่องช่วยหายใจและให้ยานอนหลับตลอด เพราะหากหายใจเองเขาจะเหนื่อยและจะต้านเครื่องช่วยหายใจ โดยที่หมอได้แจ้งอาการของภรรยามาตลอด

จนมาวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา เวลา 16.20  น. พยาบาลเอาโทรศัพท์มาตั้งบนหมอนที่ภรรยาหนุนอยู่โดยได้แนบโทรศัพท์ไว้ข้างหู และตนได้บอกภรรยาว่าไม่ต้องเป็นห่วงลูก โดยที่พูดไปไม่มีเสียงตอบกลับจากภรรยา จากนั้นพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยก็ได้บอกว่าหัวใจเธอจะหยุดเต้นแล้ว โดยพยาบาลคอยบอกการเต้นของหัวใจเริ่มตั้งแต่ 30 – 20 – 10 จนภรรยาสิ้นใจโดยสงบ

โดยขณะนี้เด็กมีอาการปลอดภัยไม่พบเชื้อ แต่แม่เด็กแพทย์พบว่าเชื้อไวรัสลามไปถึงปอดแล้ว ทำให้อาการทรุดหนักและเสียชีวิตในที่สุด และได้การฝังศพที่กุโบร์บ้านยะรมเมื่อค่ำวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ท่ามกลางความโศกเศร้าของบรรดาญาติๆ และเพื่อนของผู้ตาย

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ