แม่คาใจ! รพ.ฉีดยาอะไรให้ลูกก่อนเลือดไหลออกปาก ดิ้นดับทุรน หมอบอกติดโควิดรุนแรง ต้องส่งรักษาต่ออีกรพ.ผ่านไป 13 ชั่วโมงเสียชีวิต สสจ.สระแก้ว โร่แจง
กรณีสาววัย 28 ปี ชาว อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เข้าร้องสื่อมวลชน กรณีส่งลูกชายวัย 3 ขวบ เข้ารักษาตัวที่ รพ.วัฒนานครอาการโคม่า และส่งต่อเข้ารักษาที่ รพ.พระยุพราชสระแก้ว เวลาผ่านไป 13 ชั่วโมงลูกเสียชีวิต แพทย์อ้างติดโควิด-19 อย่างรุนแรง นั้น
เมื่อวันที่ 27 พ.ค.65 ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว ผู้สื่อข่าวเข้าพบ นพ.ประภาส ผูกดวง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว พร้อมเปิดเผยว่า ได้รับรายงานผู้ติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เสียชีวิตจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ถึงกรณีดังกล่าวแล้ว เป็นเด็กชายอายุ 4 ปี 5 เดือน
จากการซักประวัติจากผู้ปกครองทราบว่า ผู้ป่วยมีไข้ ไอ มีเสมหะเล็กน้อย และมีประวัติพบคนในโรงเรียนป่วยเป็นโรคโควิด-19 วันต่อมาผู้ป่วยไอ เสียงแหบ หายใจหอบเหนื่อยมากขึ้น จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งผลตรวจ ATK ก่อนเข้ารับการรักษาพบเชื้อโควิด-19 แพทย์จึงให้การรักษาด้วยการพ่นยาและฉีดยา dexamethasone เพื่อลดการอักเสบและกดภูมิคุ้มกัน ใช้ในการรักษาอาการโรคภูมิแพ้, โรคหืด ก่อนรับรักษาไว้เป็นผู้ป่วยในเพื่อติดตามอาการ
ซึ่งผู้ป่วยยังคงมีอาการหายใจหอบเหนื่อยมากขึ้น เสียงแหบ มีภาวะหายใจล้มเหลว จึงใส่ท่อช่วยหายใจ ผลเอกซเรย์ปอดพบเป็นฝ้าลักษณะปอดบวมรุนแรงเฉียบพลัน แพทย์จึงส่งมารักษาต่อที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว โดยแพทย์ให้ยารักษาโควิด-19 ตามแนวทางการรักษาของกรมการแพทย์
รวมทั้งใช้เครื่องช่วยหายใจ และใส่สายสวนทางหลอดเลือดดำส่วนกลาง ผลเอกซเรย์ปอดพบความผิดปกติของปอดทั้ง 2 ข้างจากโควิด-19 โรคปอดบวม ทำให้เกิดภาวะหายใจล้มเหลว ต่อมาผู้ป่วยความดันโลหิตต่ำลง ซึ่งแพทย์แจ้งอาการกับแม่ว่า ผู้ป่วยเป็นปอดอักเสบโควิดแบบรุนแรง มีภาวะความดันโลหิตต่ำ และประสานติดต่อผู้ป่วยไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์พระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี
แต่เนื่องจากอาการของผู้ป่วยยังไม่คงที่ จึงต้องปรับยาและเครื่องช่วยหายใจ เพื่อให้อาการคงที่พอที่จะส่งตัวผู้ป่วยได้ เพราะหากอาการไม่คงที่ มีความเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิตระหว่างทางบนรถได้
กระทั่งเวลา 16.50 น. ผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น หลังจากทีมแพทย์ทำ CPR ก่อนที่ผู้ป่วยจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เมื่อวันที่ 26 พ.ค.65 ทั้งนี้พบว่าผู้ป่วยมีน้ำหนักตัวมากกว่าเกณฑ์ตามอายุ และยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อีกด้วย
ด้าน น.ส.ยุพิน อายุ 28 ปี ผู้เป็นแม่ ของน้องอิกคิว ชาว อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว พร้อมสามี อาชีพชาวนา นั่งกอดรูปถ่ายของน้องอิกคิว อายุ 4 ปี ที่เพิ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว เมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา
โดยแพทย์ลงความเห็นว่าน้องอิกคิว ติดเชื้อโรคโควิด-19ที่ปอดอย่างรุนแรง หลังน้องอิกคิวเสียชีวิตแล้วแพทย์ให้ น.ส.ยุพินและสามี นำศพของน้องอิกคิวมาเผาที่วัดนครธรรม อ.วัฒนานคร อย่างเร่งด่วน โดยไม่มีหนังสือหรือเอกสารใดๆ เกี่ยวกับการเสียชีวิตให้กับตนและสามี แม้แต่แผ่นเดียว
น.ส.ยุพิน กล่าวต่อว่า ปกติน้องอิกคิวเป็นเด็กที่มีร่างกายแข็งแรง ร่าเริง เป็นที่รักของพ่อแม่และญาติๆ ในหมู่บ้านมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 25 พ.ค.65 เวลาประมาณ 02.00 น.น้องอิกคิวมีอาการหายใจติดขัด
ตนและสามีจึงพาน้องอิกคิวไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งหมอและเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลดังกล่าวรักษาอย่างเต็มกำลัง จนน้องอิกคิวมีอาการดีขึ้น แต่ต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะหมอบอกว่าน้องอิกคิวติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งขณะที่น้องอิกคิวนอนรักษาตัวอยู่นั้นตนก็นอนเฝ้าอยู่ด้วย
ต่อมามีเจ้าหน้าที่พยาบาลนำอะไรตนไม่รู้มาฉีดให้น้องอิกคิว ขณะที่กำลังฉีดยาให้น้องอิกคิวอยู่นั้น น้องบอกว่าหายใจไม่ออก และมีอาการดิ้นทุรนทุราย มีเลือดไหลออกมาจากปากด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลต้องออกมาช่วยนำสายยางยัดเข้าไปในปากของน้อง จนทำให้น้องหมดแรงลง จากนั้นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลฯจึงนำตัวส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้วต่อ
ซึ่งหลังจากที่น้องมาถึงโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้วแล้ว เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลนำตัวน้องเข้าไปในห้องฉุกเฉิน โดยไม่ให้พ่อแม่หรือญาติเข้าไปด้วย เพราะเป็นห้องรักษาคนป่วยติดเชื้อโควิด-19 ต่อมาไม่นาน เจ้าหน้าที่เดินออกมาบอกให้ตนเข้าไปดูน้อง เพราะน้องคิวมีชีพจรต่ำมาก พอตนเข้ามาดูน้องอิกคิวได้ไม่นาน น้องก็หยุดหายใจและเสียชีวิตทันที ทำให้ตนและสามีเสียใจมาก จนทำอะไรไม่ถูก
“สำหรับสิ่งที่ดิฉันต้องการมากในตอนนี้คือ อยากรู้ว่าน้องอิกคิวติดโควิด-19 สายพันธุ์อะไร ทำไมถึงเสียชีวิตไวนัก และยาที่พยาบาลของโรงพยาบาลแห่งแรกนำมาฉีดให้น้องอิกคิวเข็มสุดท้ายนั้นคือยาอะไร ถึงทำให้น้องอิกคิวที่มีอาการดีอยู่แท้ๆ หายใจไม่ออก ดิ้นทุรนทุราย ดิฉันไม่ต้องการค่าเสียหายอะไร ไม่โทษใคร แต่ต้องการเพียงคำชี้แจงจากแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น” นางยุพิน กล่าว