ตำรวจแจ้ง 6 ข้อกล่าวหา กับลุงก่อเหตุยิงข่มขู่เจ้าของฟาร์มหมู ขณะที่ผู้ก่อเหตุสารภาพที่ทำไปเพราะไม่พอใจ ส่วนปืนซื้อมา 500 บาท ตั้งแต่สมัยทำงาน
วันที่ 11 ม.ค. 65 ที่ฟาร์มหมู “วิตตี้ ฟาร์ม” บ้านบุ่งแสง หมู่7 ต.นาชุมแสง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น นายวิทยา โพธิ์จันนา อายุ 48 ปี เจ้าของฟาร์ม เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นใน เวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 28 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นตนไม่อยู่ฟาร์ม มีเพียงลูกจ้างอยู่ที่ฟาร์ม ประมาณ 4-5 คน คอยขายหมูป่าให้กับลูกค้าที่เดินทางเข้ามาซื้อ
จากนั้น นายไหม อายุ 67 ปี ชายในคลิปและเป็นอดีตลูกจ้างในฟาร์ม ซึ่งลาออกไปเมื่อช่วงเดือน มี.ค. 64 ได้ขับรถยนต์กระบะเข้ามาจอดที่ฟาร์ม ก่อนจะเข้ามาโวยวายเรื่องที่ฟาร์มไม่ขายหมูป่าให้ ก่อนจะยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่ และต้อนลูกน้องตน 4-5 คน ที่อยู่ในฟาร์มมารวมกัน โดยถามกับลูกน้องตนว่า สั่งหมูป่าไว้ล่วงหน้าเป็นเดือน แต่ถึงวันกลับไม่ได้หมูตามที่สั่งไว้ ซึ่งลูกน้องที่ขายก็ไม่รู้เรื่องด้วยว่าสั่งกับใคร
ไม่ได้มีใครมาบอกว่าต้องขายให้ราคาเท่าไร ซึ่งราคา 1,300 บาท ที่นายไหมต้องการนั้น ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะหมูป่าไซส์ใหญ่ราคาต้นทุนอยู่ที่ 2,500 บาทแล้ว ซึ่งหลังเกิดเหตุ ตนเองก็มาทราบภายหลังว่า นายไหม ได้สั่งซื้อหมูป่าผ่านภรรยาตัวเอง ซึ่งก็เป็นพี่สาวแท้ ๆ ของตนเอง ที่ทำงานอยู่ที่ฟาร์มแห่งนี้ เพื่อจะนำไปเลี้ยงฉลองปีใหม่ ซึ่งภรรยาของนายไหม ไม่กล้าขายให้ เพราะไม่ใช่เจ้าของร้านและไม่รู้ราคา จึงทำให้นายไหม ไม่พอใจ ก่อนจะมาก่อเหตุตามคลิป
นายวิทยา กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุ ตนเองได้แจ้งความร้องทุกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูเวียง ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ม.ค.65 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เรียกนายไหม ผู้ก่อเหตุ มาไกล่เกลี่ยกับตนเองและลูกน้องที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้ง 4 คน ที่โรงพัก โดยได้เรียกค่าเสียหายและค่าทำขวัญเป็นเงิน 300,000 บาท แต่นายไหมไม่ยอม
ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ และยังไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งเวลาผ่านไปเกือบ 2 สัปดาห์เรื่องยังเงียบ คนก่อเหตุก็ยังลอยนวล ตนเองจึงตัดสินใจส่งคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้สื่อมวลชน เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากตอนนี้ตนเองได้รับความเดือดร้อน ธุรกิจดำเนินการต่อไม่ได้ ลูกน้องเกิดความกลัวไม่กล้ามาทำงาน ขาดรายได้ช่วงปีใหม่กว่า 1 แสนบาท
ต่อมา นายไหม ผู้ก่อเหตุ พร้อมด้วยลูกสาว ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ภูเวียง เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม พร้อมกับรับทราบข้อกล่าวหา โดยมี พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไตรธรรม ผกก.สภ.ภูเวียง ร่วมสอบปากคำเพิ่มเติม โดยนายไหม ผู้ก่อเหตุ ให้รับสารภาพว่า ตนเองเป็นชายที่ก่อเหตุตามคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวจริง เนื่องจากไม่พอใจที่สั่งซื้อหมูป่าเพื่อจะนำไปทำอาหารเลี้ยงฉลองปีใหม่กับเพื่อน ๆ แต่กลับไม่ได้หมูป่าตามที่สั่งไว้ ทั้งที่ได้สั่งซื้อกับลูกจ้างของฟาร์มไว้ล่วงหน้ากว่า 1 เดือน
ตนก็เคยเป็นผู้ดูแลฟาร์มแห่งนี้ให้กับ นายวิทยา มาไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงกลับไปนั่งดื่มฉลองช่วงปีใหม่กับเพื่อนๆ แต่ในระหว่างนั่งดื่มก็ครุ่นคิดถึงเรื่องที่ฟาร์มไม่ขายหมูป่าให้อยู่ตลอดเวลา ประกอบกับบรรดาเพื่อนๆ ก็ถามว่า ไหนบอกจะเอาหมูมาย่างให้กิน ก็ยิ่งทำให้ตนเองรู้สึกเหมือนถูกดูถูกเหยียดหยาม พอตกค่ำจึงตัดสินใจขับรถยนต์กระบะมาที่ฟาร์มเพียงลำพัง ก่อนจะเดินลงจากรถพร้อมอาวุธปืน ขนาด .38 ที่ซื้อมาในราคา 500 บาท ตั้งแต่สมัยที่ยังรับจ้างเป็นลูกจ้างของฟาร์ม
ก่อนจะสอบถามเรื่องการสั่งซื้อหมูแล้วไม่ได้ จึงยิงปืนข่มขู่และได้ยิงไปถูกถังใส่เนื้อและแก้วดื่มน้ำแสตนเลส ซึ่งตนเองยืนยันว่า เป็นเพียงการยิงข่มขู่ด้วยความโมโห ไม่มีเจตนาจะยิงใส่ใครให้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เพราะหากจะหวังเอาชีวิตใคร คงยิงปืนใส่ไปแล้ว และหลังก่อเหตุตนเองได้วางอาวุธปืนไว้ท้ายกระบะ ก่อนจะหล่นหายไป ส่วนเรื่องเงินค่าทำขวัญที่ผู้เสียหายเรียกร้องนั้น ตนเองยืนยันว่า ไม่สามารถให้ได้ตามที่ร้องขอ หากจะให้ขอโทษก็ทำได้และตนเองก็ไม่ได้ติดใจ หรือคิดว่าจะไประราน ข่มขู่ หรือก่อกวนทางฟาร์มแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไตรธรรม ผกก.สภ.ภูเวียง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุ จำนวน 6 ข้อหา คือ 1.บุกรุกในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธปืน 2.ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการ ไม่กระทำการ โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายโดยมีอาวุธปืน 3.ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว 4.มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 5.พกพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ 6.ยิงปืนโดยใช่เหตุในหมู่บ้านหรือชุมชน ซึ่งผู้ก่อเหตุ ได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งผู้ต้องหาสามารถใช้สิทธิ์ในการยื่นประกันตัวได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด