กลับมาพบกับรีวิว Gadget ใหม่ๆ จากทีม Sanook Hitech อีกครั้งสำหรับรอบนี้ใครอคอยการแกะกล่อง iPad Mini ข่าวดีคือทีมได้รับเครื่องมาทดลองแบบสั้นๆ เรามาแกะกล่องลองใช้งานเครื่องดูว่ามันจะเป็นอย่างไรและสุดท้ายน่าใช้จริงไหม และเหมาะกับใครมากที่สุด
แกะกล่อง iPad Mini Generation 6
- ตัวเครื่อง iPad Mini
- คู่มือ / สติ๊กเกอร์ Apple
- สาย USB-C to USB-C
- ปลั๊กไฟกำลัง 20W
รูปลักษณ์ดีไซน์
เริ่มต้นกับดีไซน์ของเครื่องมาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 8.3 นิ้ว ขอบลดลงจากรุ่้นเดิมไม่น้่อยเลยครับ ทำให้คุณสามารถถือใช้งานโดยไม่มีโดนหน้าจอโดยไม่ได้ตั้งใจ และมีกล้องอยู่ตรงด้านบนในแนวตั้ง การสั่งงานและกลับหน้าหลักทำได้เฉพาะ การปัดจากด้านล่างขึ้นข้างบนเท่านั้น
รอบตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียม โดยฝั่งที่เห็นคือ ด้านข้างซ้ายในแนวตั้ง จะไม่มีช่องเสียบอะไร
ส่วนฝั่งขวาจากแนวตั้งจะออกแบบให้สามารถติด Apple Pencil 2 และชาร์จไฟได้ครับ
ส่วนบนสุดของเครื่องจะมีปุ่มปรับระดับเสียง, ลำโพงคู่, ปุ่ม Power พร้อมกับ Touch ID แถมมีไมโครโฟนในตัว
ส่วนล่างสุดจะมีลำโพงฝั่งซ้ายและขวา ตรงกลางคือ USB-C สำหรับเสียบชาร์จไฟหรือต่อกับอุปกรณ์อื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น กล้อง, Computer เป็นต้น
พลิกมาด้านหลังกับความกระทัดรัดจนโลโก้ Apple ใหญ่มากพอสมควร และมีกล้องหลังที่นูนออกมาจนแนะนำว่าควรซื้อเคสใส่ และมี LED Flash พร้อมกับไมโครโฟนของตัวเครื่องด้านหลัง
ภาพรวมการออกแบบของเครื่อง
มีดีไซน์ที่เล็กถือง่ายน้ำหนักเบา และเหมือนกับร่างย่อส่วนของ iPad Air Gen 4 เพียงแต่ว่าใครที่ชอบการพิมพ์ Keyboard นั้นต้องทำใจเพราะต้องเชื่อมต่อกับ Bluetooth เท่านั้น และขนาดเครื่องมีความกว้างพอๆ กับ Apple Pencil 2 ซึ่งผมว่ามันก็กำลังดี แต่ถ้าใครเคยติดความใหญ่ของ iPad รุ่นก่อนหน้านี้ มันจะเล็กไปทันที แต่ภาพรวมถ้าเทียบกรุ่นที่แล้ว มันใหญ่กว่าทุกมิติครับ
เปิดเครื่องลองใช้งาน
สเปกเครื่อง iPad Mini Generation 6
- ขนาด: 195.4 x 134.8 x 6.3 มิลลิเมตร
- หนัก: 293 กรัม (Wi-Fi) 297 กรัม (Wi-Fi + Callular)
- หน้าจอแสดงผล : Liquid Retina Display ความละเอียด HD+ (1488 x 2266 พิกเซล) ขนาดประมาณ 8.3 นิ้ว
- ชิปเซ็ต : Apple A15 | GPU : Apple GPU (5-Core)
- RAM : 4 GB
- ROM : 64 – 256 GB
- ความจำเสริม : iCloud Storage
- ระบบปฏิบัติการ: เริ่มต้น iPad OS 15
- WiFi 802.11 B/G/N/AC/6 (Dual Band)
- Bluetooth 5.0
- เครือข่ายมือถือ : 2G/3G/4G/5G
- กล้องหลังมีทั้งหมด 1 ตัว
- ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F/1.8
- กล้องหน้าเซลฟี่ : ความละเอียดกล้องหลัก: 12 ล้านพิกเซล, มุมกว้าง 122 องศา รองรับ Center Stage
- รองรับ : nano SIM (เฉพาะ รุ่น Wi-Fi + Cellular)
- ช่องเสียบ : USB-C
- แบตเตอรี่ : Li-Po ไม่ทราบ ระบบชาร์จไฟ 20W
- สี : ม่วง, ชมพู, เทา Space Grey และ เงิน
ในการทดลองประสิทธิภาพด้วยความที่เครื่องอยู่กับเราไม่ได้นานมากนัก ดังนั้นการทดสอบเล่นเกมจึงเห็นผลมากที่สุด ซึ่งที่สิ่งที่ปรากฏคือ เมื่อทดลองเล่นเกม ROV พบว่าการตอบสนองและการกดนั้นถือว่าทำได้ทันใจและไม่มีปัญหา ให้ความลื่นไหนที่ดีและความร้อนน้อย เมื่อต่อกับ Wi-Fi 6 หรือ 802.11AX ก็พบว่า สามารถตอบสนองการทำงานได้อย่าง
ส่วนระบบปฏิบัติการของเครื่องเลือกใช้ iPad OS 15 ใหม่ล่าสุด โดยจุดเด่นหลักๆ ที่ได้พบคือ
- การใช้งานแบบ Multi Tasking ที่ปรับแต่งได้ง่ายและทำได้ทั้งหมด 3 รูปแบบด้วยกัน
- Center Stage ถ้าทำงานผ่าน Face Time สามารถขยับตามหรือขยายออกถ้ามีคนอยู่มากกว่า 1 คน
- บันทึก Note ด่วนได้แค่ลาก Pencil ไปจากมุมขวาของเครื่อง
- ลาก Pencil มุมซ้ายขึ้น สามารถ Capture หน้าจอได้
- ตั้ง Focus ให้สามารถเลือกว่าเวลานี้คุณทำอะไรอยู่
และอื่นๆ อีกมากมายอ่านต่อได้ที่บทความ สรุปความเปลี่ยนแปลงของ iPadOS 15
กล้องเปลี่ยนแปลงใหม่
จุดนี้ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากพอสมควรเพราะกล้องของ iPad Mini Gen 6 นั้นทั้งหน้าและหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แต่กล้องหน้าจะได้มุมที่กว้างกว่าพอสมควร เมื่อลองถ่ายภาพก็มีความสว่างมากขึ้นกว่ารุ่นเดิมแบบชัดเจนมากเช่นตัวอย่างดังต่อไปนี้
แบตเตอรี่อึดไหม
การทดสอบครั้งนี้มีเวลาอยู่กับ iPad Mini ราว 3 ชั่วโมง เมื่อทดสอบในการใช้เล่นเกม การทำงานทั่วไป เปิดเครื่องเพื่อถ่ายภาพ และลองกล้องลดจาก 93% เหลือเพียง 84% ในเวลา 2 ชั่วโมงกว่าถือว่าลดลงช้าเมื่อเทียบกับการเปิดหน้าจอค้างไว้ อย่างไรก็ดี ระบบการชาร์จไฟยังรองรับ USB-C กำลังชาร์จไฟ 20W ซึ่งมีติดกล่องมาด้วยครับ
สรุปสั้นๆ หลังจากได้ทดลองใช้งาน
ถือว่าเป็นการสิ้นสุดการรอคอยสำหรับคนที่ชอบ iPad ขนาดไม่ใหญ่เกินไปเล็กกำลังดีแต่ตอบสนองการทำงเานได้เหมือนกับ iPhone 13 แต่กล้องอาจจะไม่ได้เด็ดเท่าแค่นั้นเอง แถมยังมีให้เลือกหลากหลายสีอีกด้วย โดยมีราคาดังนี้
สำหรับราคาของ iPad Mini มีดังนี้
รุ่น Wi-Fi
- 64GB = 17,900 บาท
- 256GB = 23,400 บาท
รุ่น Wi-Fi + Cellular
- 64GB = 23,400 บาท
- 256GB = 28,900 บาท
หากถามอีกข้อคือ iPad Mini ยังเหมาะกับใคร คำตอบคือ คนที่ไม่ได้เน้น iPad ที่ต้องมาทำงานหนัก รองรับแค่หยิบขึ้นมาดูข้อมูลและใช้งานวาดภาพ เพราะไม่มีช่อง Smart Connector เหมือกับรุ่นอื่นๆ เขา และพก Tablet ทำงานรอง และใช้ Notebook เป็นหลักมากกว่า ถึงจะเหมาะสมและอยู่ด้วยกันได้ครับ