เอสเธอร์ ลั่น อยากแต่งงาน เปิดมุมมองคู่รัก อยู่ก่อนแต่ง ไม่รอแต่งแล้วพัง

Home » เอสเธอร์ ลั่น อยากแต่งงาน เปิดมุมมองคู่รัก อยู่ก่อนแต่ง ไม่รอแต่งแล้วพัง


เอสเธอร์ ลั่น อยากแต่งงาน เปิดมุมมองคู่รัก อยู่ก่อนแต่ง ไม่รอแต่งแล้วพัง

เอสเธอร์ ลั่น อยากแต่งงาน เปิดมุมมองคู่รัก อยู่ก่อนแต่ง ไม่รอแต่งแล้วพัง

เอสเธอร์ ลั่น อยากแต่งงาน – เปิดใจนางเอกสาวหน้าหวาน เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา ถึงความสัมพันธ์กับพระเอกหนุ่ม เคน ภูภูมิ ที่คบหากันมาพักใหญ่ ว่าอยากจะแต่งงานเมื่อไหร่ และมีความคิดเห็นอย่างไรกับการอยู่ก่อนแต่ง

โดย เอสเธอร์ ได้บอกกับข่าวสดบันเทิงออนไลน์ว่า “จริงๆ อยากแต่งงานนะคะ หมายถึงว่าเราก็มีเป้าหมายตรงกันว่าเราคบกันมา เราก็ต้องแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน อยู่ด้วยกัน อยากให้มันไปถึงจุดนั้น แต่ว่าตอนนี้ต่างคนต่างทำงานเพื่อให้ทุกอย่างลงตัวโดยที่เราไม่ต้องเครียด ถ้าเวลานั้นมันจะเกิดก็เกิดขึ้นได้ โดยที่เราสบายใจค่ะ

คู่อื่นอย่างดีเจเพชรจ้า เขาก็ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันก่อนที่จะแต่ง สำหรับเรามองเรื่องการทดลองอยู่กันก่อนอย่างไร มันสมควรไหม? “จริงๆ ด้วยยุคสมัยที่มันค่อนข้างเปลี่ยนไป เราศึกษาซึ่งกันและกัน มัน 6 ปีที่ไปด้วยกัน มันก็ต้องมีอยู่แล้วที่ไปมาหาสู่กัน แล้วยิ่งทำธุรกิจด้วยกัน เราต้องคุยกัน 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว หนูถือว่ามันเป็นเรื่องปกตินะคะ

เพราะว่าการศึกษากันมันทำให้เรารู้นิสัยใจคอ ยิ่งเราใช้เวลากับคนนั้นได้มากขึ้นก็ทำให้เรารู้ว่าตัวตนเขาจริงๆ แล้วเป็นยังไง เราโอเคมั้ย เขาโอเคมั้ย หนูว่าแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนค่ะ”

คนสมัยนี้เป็นปัจเจก มันต้องเรียนรู้อยู่ด้วยกันก่อน? “หนูว่าตัวบุคคลค่ะ ถ้าบางคนนิสัยส่วนตัวไม่ยอมที่จะแก้ จะปรับกับใครใดๆ เลย ไม่ว่าจะคบกี่คนก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ ทุกอย่างคุณต้องรู้ว่าความสัมพันธ์ของคนสองคน มันไม่มีใครเหมือนกันร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ถ้าคุณพร้อมที่จะปรับจูนเข้าหากัน พร้อมที่จะถอยคนละครึ่งนึงร่วมกันสองคน หนูว่ามันน่าจะดีค่ะ”

เรามีการตัด หรือลดทอนตัวเราบ่อย? “หนูว่ามีนะคะ แต่ว่าหนูไม่สามารถคิดออกมาเป็นเรื่องๆ ได้ อย่างที่บอกคือดีเทลเล็กๆ น้อยๆ เป็นนิสัยในชีวิตประจำวันที่เราเจอกัน แต่จะเต็มร้อยมันไม่ได้อยู่แล้ว บางทีสิ่งที่เขาทำเราอาจจะไม่ชอบ หรือบางทีเราทำอะไรเขาอาจจะไม่ชอบ มันก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่เราเลือกที่จะมองข้าม หรือควรที่จะแก้ให้ดีขึ้นนะ เพื่อที่ความสัมพันธ์สองคนจะได้ไปต่อ”

ในความคิดของเราแต่งก่อนอยู่ กับอยู่ก่อนแต่งในยุคนี้อันไหนดี? หนูว่าได้หมดนะคะ สำหรับตัวหนูในยุคนี้ แต่ก็แล้วแต่คนจะอยู่ก่อนแต่งก็ได้ หรือแต่งก่อนอยู่ก็ได้ หนูว่ามันแทบจะไม่มีผล ถ้าเอาความคิดหนูนะคะ แต่หนูก็ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ คิดยังไง บางคนอาจจะค่อนข้างเคร่ง

ทำไมเราถึงให้ความสำคัญกับการแต่งงาน? รู้สึกว่าการคบกันมานาน เหมือนเราแต่งงานเพื่อให้รู้ว่าเป็นออฟฟิเชี่ยลแล้วนะ เราแต่งงานแล้วนะ คุณจะทำไรต่อก็เรื่องของคุณ แค่อยากแต่งงานเพื่ออยากมีรูปถ่ายสวยๆ มีสักครั้งในชีวิตเก็บไว้เป็นความทรงจำค่ะ

ผู้ใหญ่ว่ายังไงบ้าง? ถ้าครอบครัวของหนู คุณแม่เป็นต่างชาติ เขาก็จะเข้าใจเด็กยุคปัจจุบัน แล้วตัวเองเป็นคนเปิดมากๆ คุณพ่อหนูด้วยค่ะ ฉะนั้นครอบครัวหนูไม่มีปัญหาเลยค่ะ

ทางพี่เคนล่ะ? “พี่เคนเขาก็เป็นคนเปิดนะคะ ไม่ได้มีอะไรเลยค่ะ เหมือนทุกอย่างมันไม่ได้เข้มงวด พ่อกับแม่เข้าใจวัยรุ่นมากๆ ค่ะ”

ชีวิตเราลงตัวกันดีมาก? “คือเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัวหนูค่ะ หนูรู้สึกอย่างนั้น ผูกพันกันมากๆ แล้วเขาก็สนิทกับคุณพ่อคุณแม่หนูจนที่บ้านแซวว่าเขาเป็นน้องคนสุดท้อง หนูมีพี่น้อง 3 คนแล้วเขาเป็นน้องคนสุดท้อง (ยิ้ม)”

เขาดูแลครอบครัวเราดี? “ใช่ๆ คุณพ่อคุณแม่หนูเขาก็ดูแลเหมือนลูกเลย จนมันชินแล้ว เป็นแบบนี้เลย”

ความสัมพันธ์แบบนี้มันทำให้เราไปด้วยกันได้? อาจจะด้วยสภาพแวดล้อมและนิสัยส่วนตัวหนูกับพี่เคนด้วย พร้อมที่จะแก้ไขซึ่งกันและกันค่ะ มันน่าจะทำให้เราคบกันมาได้ยาวจนถึงทุกวันนี้ค่ะ (ก็ต้องคนนี้แล้วแหละเนอะ?) คนนี้ค่ะ คนนี้ (ยิ้ม)

ช่วงนี้ต้นไม้ขายดิบขายดี? “ช่วยกันปลูกค่ะ พี่เคนส่วนมากจะเป็นคนตัด เราก็ช่วยเหมือนลงแรงค่ะ ไลฟ์ต้นไม้มันก็ต้องมีทีม มีหลังบ้านคอยตอบแช็ต เหมือนเราแบ่งหน้าที่กันชัดเจน เขาอยู่หน้าบ้าน เราอยู่หลังบ้าน”

เป็นธุรกิจที่ทำด้วยกัน? “ใช่ๆ ค่ะ เป็นธุรกิจที่ทำมาด้วยกันตั้งแต่แรก แต่แค่เราแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ต้นไม้ก็ลงแรงเยอะๆ หน่อย เราก็ดูแลในส่วนของร้านอาหาร ร้านกาแฟค่ะ มันจะได้ไม่ตีกัน”

ธุรกิจแรกที่ทำด้วยกันคือธุรกิจร้านกาแฟ? “ธุรกิจแรกที่ทำด้วยกันคือร้านกาแฟค่ะ (ธุรกิจต้นไม้เคนเขาเริ่มก่อน?) ใช่ค่ะ เหมือนพี่เขาได้ลงมือทำจริงๆ แล้วเขาชอบด้วย ค้นพบตัวเอง เขาก็เลยไปสุด จริงๆ เริ่มด้วยกันทั้งคู่ค่ะ เริ่มจากการซื้อต้นไม้มาเลี้ยงแก้เบื่อ เลี้ยงไปเลี้ยงมาคือแบบทำไมมีต้นไม้เยอะจัง คิดว่ามันก็กลายเป็นธุรกิจได้เหมือนกันนะ เลยมาเป็นถึงทุกวันนี้ค่ะ”

ลงทุนไปเยอะไหม? ลงทุนไปเยอะค่ะ แล้วเสียหายก็เยอะ จากประสบการณ์บางทีอบต้นไม้แล้วตายบ้าง แล้วบางต้นก็ราคาสูง ก็ไม่รอดค่ะ อบไม่เป็น มันมีกำไร มันมีขาดทุน ทุกอย่างมันเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่หมดเลยค่ะ จริงๆ ถามว่าคุ้มมั้ยมันก็คุ้มค่ะ เพราะว่าทุกวันนี้พี่เคนตั้งใจอยากจะให้มันขยายให้ใหญ่ขึ้น ทำนู่นทำนี่ให้ครบวงจรด้านต้นไม้ ดีค่ะ เราก็ต้องทำให้มันดีค่ะ”

มีปัญหาหรือทะเลาะไหม ทำธุรกิจด้วยกัน? “ส่วนมากไม่มีเลยค่ะ จะมีแค่เตือนกันว่าช่วงนี้ซื้อเยอะไปแล้วนะ เราควรจะพักก่อน เราควรจะหารายได้เข้ามาก่อนนะ เพราะลงทุนอย่างเดียวช่วงโควิด แล้วบางทีบางต้นเราไม่รู้จักต้นไม้นั้นจริงๆ เรายังไม่รู้ว่าเราเลี้ยงได้รึเปล่า ถ้ามันตายมาก็เสียดายค่ะ”

มีทริกมั้ย ขนาดเพื่อนทำธุรกิจด้วยกันยังตีกัน? “น่าจะอย่างที่บอกค่ะ คือเราแบ่งหน้าที่กันชัดเจน หมายถึงว่าอะไรที่ดูแลเป็นหลัก การตัดสินใจเป็นหลักก็จะเป็นของเขา แล้วอะไรที่เราดูแลเป็นหลักก็เป็นการตัดสินใจของเรา แต่ด้วยความที่เป็นคนง่ายทั้งคู่ เป็นคนชิลชิล คุยกับแป๊บเดียวก็เข้าใจแล้ว มันมองไปในลักษณะเป้าหมายเดียวกัน โชคดีที่ว่านิสัยและการคุยกันมันง่ายเลยไม่ตีกัน”

ธุรกิจไปด้วยกันดี อนาคตก็ไม่น่าจะยาก? “อยากให้ทุกวันดีไปเรื่อยๆ ไม่อยากให้มีเรื่องเครียดค่ะ”

ชีวิตส่วนตัวเรามีปัญหาไหม? “ชีวิตส่วนตัวเหรอคะ ส่วนมากก็ไม่ค่อยตีกันนะคะ น้อยมาก คือพี่เคนเป็นคนเงียบ แต่เราเป็นคนพูด เป็นคนคุย ถ้ามีเรื่องอะไรนิดหน่อยก็จับเข่าคุยแหละ มันเคลียร์ตั้งแต่ต้นเหตุ เพราะถ้าเก็บ เรารู้สึกว่าถ้ามาระเบิดทีหลังมันจะไม่ค่อยโอเคค่ะ(เขามีระเบิด?) ไม่มีเลยค่ะ เขาใจเย็นมากสุดๆ”

ที่ผ่านมาต้องปรับกันไหม เพราะเราอยู่ด้วยกันตลอดแทบ 24 ชั่วโมง? “ปรับมั้ยเหรอคะ จริงๆ มันเป็นปรับเล็กๆ น้อยๆ เป็นนิสัยที่เราต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันไปตลอดอยู่แล้ว จะไม่มีอะไรที่เรารู้สึกว่าเราต้องปรับมากเลย”

ตอนที่งอนกันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรา? “ตอนนั้นถือว่าใหญ่สำหรับเรา เพราะเรารู้สึกว่าเราไม่เคยเป็นแบบนี้ มันเป็นความน้อยใจ ความไม่เข้าใจมากกว่า ซึ่งเขาก็ไม่รู้ตัวเองด้วย แค่สุดท้ายได้คุยกันมันก็เคลียร์ค่ะ มันเหมือนได้เปิดอก ก็โอเคค่ะ”

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ