สืบเนื่องจากกรณีที่เป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล ณ ขณะนี้กับ อาจารย์เด็กคนดัง ที่มีลูกศิษย์มากมาย ที่เชื่อในการเชื่อมจิตของ อาจารย์เด็กรายนี้ ซึ่งในก่อนหน้านี้ มีกลุ่มคนที่ปกป้อง อาจารย์เด็กคนดัง นั้นได้เข้ายื่นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบและเชื่อว่า อาจารย์เด็กคนดัง ถูกผู้ไม่หวังดีบิดเบือนใส่ร้ายโจมตีในเรื่องของการออกสอนธรรมะ
ต่อมา (16 ธันวาคม 2566) มีรายงานเพิ่มเติมว่า พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า กรณีที่มีผู้ศรัทธาอาจารย์เด็กคนดัง เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่ไม่เชื่อและมีการบิดเบือนนั้น ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนที่เห็นต่างขอให้ตรวจสอบเรื่องการเก็บเงินเพื่อเข้าคอร์สฝึกสมาธิเชื่อมจิต เนื่องจากอาจเข้าข่ายหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน เช่นกัน ซึ่งเรื่องดังกล่าว ผบ.ตร. ได้รับทราบแล้ว
ซึ่งการตัดสินว่าจะเป็นการหลอกลวงและใช้เยาวชนเป็นเครื่องมือหรือไม่ ยังคงอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ เพราะเรื่องนี้เป็นความเชื่อและศรัทธาของกลุ่มคนที่เห็นว่าการทำพิธีอาจจะได้ผลดีตามที่ตั้งมั่นไว้ และเกิดความคิดในทางบวก โดยประเด็นแรก ได้สั่งการให้ตำรวจพื้นที่ลงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ประเด็นที่สองคือการตรวจสอบทางสื่อสังคมออนไลน์ เช่น มีการโพสต์โฆษณาเชิญชวน ต้องดูพฤติการณ์ว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่อย่างไร
ส่วนจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ หรือไม่นั้น ตำรวจต้องตรวจสอบทุกความผิดที่อาจเกี่ยวข้องทั้งหมดส่วนที่ถามว่าต้องเชิญผู้ปกครองเด็กมาสอบหรือให้ปากคำหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่าตรงนี้เป็นกระบวนการที่ต้องทำดำเนินการทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการลงพื้นที่เกิดเหตุ เชิญผู้ปกครองหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพยานที่พบหรือเข้าไปทำพิธีมาสอบสวนปากคำทั้งหมด
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า หากพบว่ามีการแสวงหาผลประโยชน์หลอกลวงจากความเชื่อศรัทธาของประชาชนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด มีกฎหมายบัญญัติไว้อยู่แล้ว ตำรวจสามารถบังคับใช้กฎหมายได้
ที่มา : ข่าวสด