ญาตินิมนต์พระเชิญดวงวิญญาณกลับบ้านเกิด 2 ศพ คานสะพานกลับรถ 5 ตัน ร่วงทับเก๋งยับบนถนนพระราม 2 รองผู้ว่าฯสั่งการเร่งเยียวยาด่วน ขณะที่อุปนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย นำทีมตรวจสภาพสะพานโดยรวมยันยังแข็งแรงดี ไม่ต้องรื้อทิ้ง
จากกรณีเกิดเหตุแผ่นปูนขอบทางสะพานกลับรถหน้ารพ.วิภาราม กม.ที่ 34 ถนนพระราม 2 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งอยู่ระหว่างการปิดซ่อมบำรุง พังถล่มลงมาทับรถเก๋งเทำให้น.ส.สุวรรณี รักท้วม อายุ 40 ปีเสียชีวิตอยู่ในซากรถบี้แบน ขณะที่ นายชาญ ชาวทอง อายุ 48 ปีคนงานที่ตกลงมาไปเสียชีวิตที่รพ.อีกราย นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย
ล่าสุดเรื่องนี้ วันที่ 1 ส.ค.2565 เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงกั้นเชือกประกาศเป็นเขตอันตรายห้ามเข้าบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมปิดช่องทางด่วนฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ให้รถเบี่ยงออกคู่ขนานก่อนถึงจุดเกิดเหตุ 1 ก.ม. ส่งผลการจราจรหนาแน่นติดขัดต่อเนื่องยาวกว่า 8 ก.ม.
ขณะที่นายณรงค์ รักร้อย ผวจ.สมุทรสาคร มอบหมายให้ นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผวจ.สมุทรสาคร เรียกประชุมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเรื่องการจราจรติดขัด
รองผู้ว่าฯ เปิดเผยหลังประชุมว่า ได้เรียกผู้เกี่ยวข้องมาประชุมเพื่อที่จะวิเคราะห์สถานการณ์และหาแนวทางในการปฏิบัติ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทางโดยจะพยายามเปิดช่องทางเดินรถหรือเพิ่มช่องทางการเดินรถให้ได้เร็วที่สุด แก้ปัญหารถติดจากการเดินทางเข้ากทม. แต่ก็ต้องรอให้วิศวกรฯกรมทางหลวง ไปหาข้อมูลเพื่อนำมาเสนอต่อที่ประชุมภายในวันนี้ ในส่วนการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้เสียหาย หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ได้สั่งกำชับให้กรมทางหลวง โดยแขวงการทางสมุทรสาครรับหน้าที่ไปดำเนินการหาข้อสรุปเป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
ส่วนเรื่องของการปรับปรุงสะพานต่างประดับตรงนี้ เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรงของกรมทางหลวง โดยศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงไม่เกี่ยวข้องกับผู้รับเหมาก่อสร้างตามที่หลายคนเข้าใจแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ด้านพ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร กล่าวว่า ส่วนของคดีนั้นตอนนี้ได้เรียกพยานทั้งคนงานและผู้คุมงานมาสอบปากคำแล้วประมาณ 10 ปาก ซึ่งก็อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด อีกทั้งยังได้ติดต่อให้ผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์มาให้ปากคำในวันนี้ด้วย เพื่อนำไปสู่การเยียวยาผู้เสียหายและการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ส่วนบรรยากาศบริเวณจุดเกิดเหตุครอบครัว น.ส.สุวรรณี และ นายชาญ คนงานที่เสียชีวิต ต่างนิมนต์พระมาเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน ขณะที่ รศ.ศิริวัฒน์ ไชยชนะ อุปนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำทีมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ตรวจสอบสภาพสะพานกลับรถ พร้อมเปิดเผยว่า สะพานแห่งนี้เป็นการบูรณะซ่อมเสริมสะพานที่ดำเนินการใช้งานมากว่า 30 ปีแล้ว ก็ย่อมมีความเสื่อมโทรมและเกิดรอยร้าวไปตามสภาพ อีกทั้งจุดดังกล่าวยังเคยเกิดไฟไหม้รถบรรทุกน้ำมันด้วย ฉะนั้นความร้อนเนื่องจากไฟไหม้รถ อาจมีผลกระทบต่อพวกคอนกรีตและเหล็กเสริมได้ด้วย
” แต่จากการตรวจสอบในช่วงขณะนั้น พบว่ายังคงสามารถใช้งานได้ตามปกติ กระทั่งมาถึงกำหนดระยะเวลาที่จะต้องทำการซ่อมแซมด้วยวิธีการรื้อผิวคอนกรีตออก แล้วซ่อมแซมเหล็กเสริมใหม่และเทคอนกรีตใหม่ตามกระบวนการและขั้นตอนทางวิศวกรรม แต่บังเอิญว่ามาทำตัวนี้พอเอาพื้นออกฝั่งโน้นก็ยังอยู่ดี
ส่วนฝั่งที่เกิดเหตุนี้แรกๆ ก็ยังดีอยู่และกำลังเตรียมการเทปูน ก็เกิดปัญหานี้ขึ้น ภาพรวมรับรองว่ายังปลอดภัยอยู่แต่ประเด็นตรงนี้คาดว่าขาดเสถียรภาพนิดหน่อยเผอิญไม่คาดคิดว่ามันจะแผ่นปูนขอบทางจะพลิกเทลงมา ซึ่งถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็เทปูนคอนกรีตกลับเข้าไปพอคอนกรีตแข็งตัวก็จบแล้ว
ส่วนปัญหานี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่นั้น ผมคงไม่สามารถยืนยันได้ เพราะอุบัติเหตุไม่มีใครคาดการณ์ล่วงหน้าได้ แต่เชื่อได้ว่าทั้งผู้ควบคุมงานและผู้ปฏิบัติงานไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างแน่นอน ตรวจสอบโครงสร้างทั้งหมดแล้วยืนยันได้ว่า โครงสร้างทั้งสะพานยังมั่นคงแข็งแรงดี ไม่จำเป็นต้องรื้อถอนเพื่อสร้างใหม่ สามารถใช้การปรับปรุงซ่อมแซมตามแผนเดิมได้ ” รศ.ศิริวัฒน์ ระบุ