เมียหลวง เสี่ยก้อง เปิดใจวันเกิดเหตุ น้องแหม่ม สาวคนสนิท บุกตามรังควานถึงคลินิกฝากครรภ์ ก่อนเกิดเหตุสลด ทำลูก 2 คนกำพร้าพ่อ เตรียมแจ้งความเอาผิด
จากกรณีญาติของ นายอภิชาติ (ขอสงวนนามสกุล) หรือ เสี่ยก้อง อายุ 39 ปี เจ้าของธุรกิจร้านเกาลัดชื่อดังในจ.กาญจนบุรี เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา หลังตกจากรถกระบะป้ายแดง ซึ่งมี น้องแหม่ม สาวคนสนิทเป็นคนขับ โดยญาติของเสี่ยก้องเกิดความไม่พอใจน้องแหม่ม หลังเห็นคลิปกล้องหน้ารถที่เปิดเผยให้เห็นพฤติกรรม หลังจากเสี่ยก้องตกจากรถ แต่น้องแหม่มรวมถึงน้องชายและเพื่อนที่ขับรถตามหลังกลับไม่รีบเข้าไปช่วยเหลือ ปล่อยทิ้งเป็นเวลานานกว่า 20 นาที จึงโทรตามเจ้าหน้าที่มูลนิธิขุนรัตนาวุธ มานำตัวเสี่ยก้องส่งโรงพยาบาล ทำให้เสี่ยก้องบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต
ล่าสุดวันที่ 1 ก.พ.2565 น.ส.พภัสสรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นภรรยาที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องของเสี่ยก้อง เปิดเผยว่า เหตุการณ์ตามในคลิปกล้องหน้ารถเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งวันดังกล่าวตนและเสี่ยก้องได้เดินทางไปพบหมอที่คลินิกฝากครรภ์ เนื่องจากตนตั้งท้องลูกคนที่ 2 ได้ประมาณ 7 เดือนแล้ว แต่ปรากฏว่า เมื่อออกมาจากคลินิกก็พบกับน.ส.แหม่ม และน้องชายกับกลุ่มเพื่อนที่ขับรถมาดักรออยู่หน้าร้าน จนเกิดมีปากเสียงกัน
น.ส.พภัสสรณ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งน.ส.แหม่มพยายามที่จะบอกให้ตนเลิกกับเสี่ยก้องซึ่งเป็นสามี จนเกิดการโต้เถียงรุนแรง ตนไม่อยากให้ลูกสาวอายุ 7 ขวบซึ่งมาด้วยรู้สึกไม่ดีกับผู้เป็นพ่อ จึงพยายามจะพาลูกกลับบ้าน ส่วนเสี่ยก้องก็เข้าไปพูดคุยกับน.ส.แหม่ม และกันให้ตนและลูกกลับออกไปจากบริเวณหน้าคลินิกก่อน หลังจากตนกลับออกมาจากคลีนิค ก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเสี่ยก้องอีกเลย
น.ส.พภัสสรณ์ กล่าวอีกว่า กระทั่งช่วงค่ำวันเดียวกัน ถึงได้รู้ว่าเสี่ยก้องประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อตนเห็นภาพจากคลิปกล้องหน้ารถที่เผยให้เห็นพฤติกรรมของน.ส.แหม่มและน้องชายแล้ว ตนยิ่งรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ หากน.ส.แหม่มรีบช่วยนำเสี่ยก้องส่งโรงพยาบาลอย่างทันท่วงที เสี่ยก้องก็ไม่น่าจะเสียชีวิต ตนและลูกก็จะไม่ต้องสูญเสียสามีและพ่อไปอย่างเช่นทุกวันนี้
“ที่ผ่านมา รู้เรื่องระหว่างเสี่ยก้องกับน้องแหม่มมาประมาณ 3 ปี ซึ่งเสี่ยก้องเองก็มีลูกกับน้องแหม่ม 1 คน อายุประมาณ 6 เดือน เราไม่เคยเข้าไปวุ่นวาย หรือตามรังควานน้องแหม่ม แต่กลับเป็นน้องแหม่มที่เข้ามาตามรังควานเราอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากนี้ ก็จะเข้าไปแจ้งความเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรท่าม่วง เพื่อเอาผิดกับน้องแหม่มและน้องชายต่อไป” น.ส.พภัสสรณ์ กล่าว
ด้าน พระออม ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของเสี่ยก้อง หลังเกิดเหตุได้ตัดสินใจบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เสี่ยก้อง โดย พระออม ยอมรับว่า เป็นคนที่คอยส่งข่าวความเคลื่อนไหวของเสี่ยก้องให้กับน้องแหม่ม โดยวันเกิดเหตุที่เสี่ยก้องพาน.ส.พภัสสรณ์ไปฝากครรภ์ ตนก็เป็นคนแจ้งเรื่องให้น้องแหม่มทราบ จนน้องชายของน้องแหม่มตามมารับตนที่บ้านของเสี่ยก้องและพาตามไปจนถึงคลินิก และนำไปสู่เหตุการณ์ตามในคลิป
พระออม กล่าวต่อว่า ซึ่งหลังจากเสี่ยก้องตกจากรถ ตนซึ่งนั่งอยู่ในรถคันติดกล้องซึ่งเป็นรถของน้องชายน้องแหม่ม ได้พยายามที่จะลงไปช่วยเสี่ยก้อง โดยได้ยกเสี่ยก้องขึ้นรถฟอร์จูนเนอร์ของน้องชายน้องแหม่ม เพื่อจะพาไปส่งโรงพยาบาล แต่เนื่องจากเสี่ยก้องมีอาการบาดเจ็บที่ขาไม่สามารถยกขึ้นรถได้ จึงตัดสินใจโทรเรียกเจ้าหน้าที่มูลนิธิขุนรัตนาวุธมารับเสี่ยก้องส่งโรงพยาบาล ยืนยันว่าไม่ได้มีการลงไปทำร้ายเสี่ยก้องเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ขณะที่ พ.ต.อ.ศราวุธ ศรีสังวรณ์ ผกก.สภ.ท่าม่วง กล่าวว่า เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตามในคลิปตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ไม่ได้มีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีเพียงการเดินทางมาแจ้งเพื่อขอรับเอกสารจากทางตำรวจไปยืนยันการเสียชีวิตของเสี่ยก้อง โดยน.ส.แหม่มเป็นผู้เดินทางมาขอรับเอกสารเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.ศราวุธ กล่าวต่อว่า แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้สึกผิดสังเกตกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงได้ส่งศพของเสี่ยก้องไปทำการผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ขณะนี้อยู่ในระหว่างรอผลของการตรวจพิสูจน์ ทั้งนี้ ยืนยันว่า คดีนี้ตำรวจจะทำคดีด้วยความรอบคอบและให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มตรวจสอบคลิปวิดีโอดังกล่าวแล้ว หากตรวจสอบพบมีการกระทำความผิดอะไรบ้างก็จะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป