นางเอ (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้นำคลิปวีดีโอที่จับได้ว่า นายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สามีที่อยู่กินกันมากว่า 10 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน และจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย แอบมีเพศสัมพันธ์กับ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.2 ลูกสาวของสามีที่เกิดกับภรรยาเก่าที่เลิกรากัน พร้อมข้อความสนทนา และเสียงที่บันทึกไว้ ขณะสามียอมรับว่ามีอะไรกับลูกสาวตัวเองจริง เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์
หลังจากพยายามให้โอกาสสามีกลับตัวเพื่อหวังประคองชีวิตครอบครัว แต่กลับถูกสามีทำร้ายร่างกาทั้งตบ เตะหลายครั้งจนทนไม่ไหว ต้องไปอาศัยอยู่บ้านญาติ พอขอหย่าก็ถูกข่มขู่จะแจ้งความฐานหมิ่นประมาทหาว่าสร้างเรื่องใส่ร้าย และพอไปแจ้งความกับตำรวจ ก็บอกว่าต้องให้แม่แท้ๆ พาเด็กไปแจ้งความเอง ทั้งที่ตนเป็นฝ่ายถูกสามีนอกใจไปมีอะไรกับลูกตัวเอง และถูกทำร้าย แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย จึงตัดสินใจนำหลักฐานเข้าร้อง ทนายอั๋น
นางเอ เล่าว่า อยู่กินกัน นายเอ็ม มากว่า 10 ปี หลังจากที่เขาเลิกรากับภรรยาคนเก่า ซึ่งตนกับ นายเอ็ม มีลูกด้วยกัน 2 คน อายุ 8 ขวบและ 2 ขวบ ส่วน น.ส.บี ลูกแท้ๆ ของ นายเอ็ม ภรรยาเก่าก็เอาไปเลี้ยงเองตั้งแต่ 2 ขวบ โดยให้อยู่ที่บ้านตา-ยายที่ จ.สระแก้ว แต่พอ น.ส.บี อายุได้ 13 ปี สามีบอกอยากไปรับลูกมาเลี้ยงเองทั้งที่ไม่เคยติดต่อกันมากว่า 10 ปี แต่สามีขอร้องก็เลยยอม
ตอนแรก ช่วงปลายปี 65 สามีกับตนก็ขับรถไปรับ น.ส.บี ที่ จ.สระแก้ว มาอยู่ด้วย 1 เดือนช่วงปิดเทอม ตอนนั้นก็ยังไม่มีอะไร กระทั่งช่วงเดือน เม.ย.66 สามีบอกอยากรับลูกมาเรียนที่นี่ด้วย ตนก็ไม่ได้ขัดข้อง ก็ไปรับมาเรียนที่ อ.ประโคนชัย แต่พออยู่ได้ประมาณ 1 เดือน สามีก็เริ่มหอมแก้มลูกสาว ตนก็ถามทำไมทำแบบนั้นเพราะลูกโตเป็นสาวแล้ว เขาก็อ้างว่าแค่แสดงความรักตามประสาพ่อลูก อีกทั้งญาติและช่างที่มาทำงานที่บ้านก็มาเล่าให้ฟังว่าหยอกล้อกับเกินพ่อกับลูก
จึงเริ่มสังเกตความผิดปกติมาตลอด กระทั่งคืนวันที่ 6 พ.ย.66 ช่วงประมาณ 3 ทุ่ม ที่จับได้ว่าสามีแอบมีอะไรกับลูกสาวตัวเองตามที่ปรากฏในคลิป เนื่องจากวันนั้นตนไม่สบายก็นอนในห้อง สามีนอนหน้าทีวีกับลูกชายคนโต ตนก็ออกไปเข้าห้องน้ำ จังหวะเดินกลับเห็นสามีนอนถอดเสื้ออยู่ในเปลหน้าบ้าน ทั้งที่ตอนอยู่หน้าทีวียังใส่เสื้อ สามีก็อ้างว่ามานั่งเล่นโทรศัพท์ แต่ตนไม่เชื่อจึงเกิดมีปากเสียงกัน สามีหาว่าตนระแวง จึงใช้มือจับอวัยวะเพศสามีก็พบมีน้ำเหนียวๆ หลั่งออกมาเหมือนกับเพิ่งจะมีเพศสัมพันธ์มาใหม่ๆ
พอถามว่าเสื้ออยู่ไหนสามีบอกถอดไว้ในตะกร้า แต่พอเดินไปหาก็ไม่เห็น จึงตัดสินใจเดินไปตรงที่ น.ส.บี นอนอยู่พร้อมกับใช้มือถือถ่ายคลิปไปด้วย เพราะเริ่มมั่นใจแล้วว่าสามีนอกใจ ตอนแรกก็เห็นกางเกงในและกางเกงขาสั้นของ น.ส.บี ถอดในลักษณะพันกันอยู่ แล้วก็เห็นเสื้อของสามีที่อ้างว่าถอดไว้ในตะกร้ากองอยู่ใกล้กัน จึงเปิดผ้าห่มออกจากตัว น.ส.บี ก็เห็นนอนถอดเสื้อผ้าอยู่ในลักษณะมีรอยแดงบริเวณหน้าอก จึงถามว่า “ทำไมถึงนอนถอดเสื้อ น.ส.บี ก็ตอบว่าก็ยังไม่ได้อาบน้ำ แต่พอถามว่าทำไมเสื้อพ่อถึงมาอยู่ตรงนี้ก็ตอบว่าไม่รู้ และถามว่าทำไมถึงถอดกางเกง น.ส.บี ก็บอกว่า ก็หนูชอบนอนแก้ผ้า”
จึงไปถามสามีว่าทำไมถึงทำแบบนี้สามีก็ไม่ตอบจนเริ่มมีปากเสียงกัน สามีจึงบอกให้ไปคุยกันในห้องนอน เพราะกลัวลูกชาย 8 ขวบได้ยิน ตอนที่ไปคุยก็ใช้มือถืออัดเสียงไว้เป็นหลักฐานด้วย ซึ่งสามีก็ยอมรับว่ามีอะไรกับลูกตัวเองจริง โดยอ้างว่าพลาดแต่พอถามว่าทำกี่ครั้งก็บอกว่าเกือบ 10 ครั้ง ตนก็ต่อว่าสามีว่าถ้าพลาดทำไมถึงทำหลายครั้งน่าจะเกิดจากความอยากมากกว่า
สามีก็รับปากว่าจะกลับตัวไม่ทำแบบนี้อีก และขอโอกาสอยู่กับแบบพ่อแม่ ลูกเหมือนเดิม ตนเห็นแก่ครอบครัวจึงยอมไม่เล่าบอกใคร แต่หลังจากนั้นพอตนไปบอกให้ลูกสาวเขาช่วยงานบ้างอย่านั่งเล่นแต่โทรศัพท์ ก็เกิดมีปากเสียงกันแล้วสามีก็ตบตี เตะ ทำร้ายตนหลายครั้ง จนรู้สึกทนไม่ไหวไปอาศัยบ้านญาติ สามีก็ตามไปง้อแต่ตนยืนกรานว่าจะขอหย่า กลับถูกสามีข่มขู่ว่าจะแจ้งความฐานหมิ่นประมาท ทั้งที่ตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ จึงได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม และอยากให้หน่วยงานไปช่วยลูกสาวที่ถูกพ่อกระทำด้วย
ด้าน ทนายอั๋น กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเพราะเกี่ยวข้องกับเด็ก และเป็นเรื่องที่ผิดศิลธรรมมาก แต่เท่าที่ดูตามหลักฐานต่างๆ ที่น้องเขาเอามาร้องขอความช่วยเหลือ ทางหน่วยงานต่างๆ ก็จะต้องเข้าไปดูแลช่วยเหลือ เชื่อว่าเด็กน่าจะถูกคุกคามทางเพศ ส่วนการแจ้งความนั้น ก็มีทั้งการแจ้งความร้องทุกข์ แจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ หรือทำคำกล่าวโทษคือมีเหตุที่เกิดขึ้นกับการกระทำความผิดในทางอาญา
ซึ่งอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวผู้กระทำความผิดก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนไปทำการสืบสวนตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งเคสนี้ก็เข้าข่ายความผิดต่ออาญาแผ่นดิน และเกี่ยวข้องกับศีลธรรม เรื่องในครอบครัวซึ่งค่อนข้างละเอียดอ่อน ส่วนตัวก็เศร้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่คิดว่าสังคมจะเดินมาไกลขนาดนี้ ก็จะประสานทาง พม.ร่วมดำเนินการในเรื่องนี้ เพราะเด็กไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม หากกระทำจริงคนเป็นพ่อก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย